พะเยาการจัดงานเวียนเทียนทางน้ำ กลางกว๊านพะเยาหนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2568 ครั้งที่ 53

พะเยาการจัดงานเวียนเทียนทางน้ำ กลางกว๊านพะเยาหนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2568 ครั้งที่ 53
\"\"
วันที่ 3 กพ. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวัดพะเยาแถลงข่าวการจัดงานเวียนเทียนทางน้ำ กลางกว๊านพะเยาหนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2568 ครั้งที่ 53 เนื่องในวันมาฆบูชา ระหว่างวันที่ 11–13 กุมภาพันธ์ 2568 ครั้งที่ 54 เนื่องในวันวิสาขบูชา ระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤษภาคม 2568 ครั้งที่ 55 เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ระหว่างวันที่ 9 – 11 กรกฎาคม 2568
เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว จังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงร่วมมือกันจัดงานเวียนเทียน ณ วัดติโลกอารามขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในแต่ละปี จะมีการเวียนเทียน 3 ครั้ง คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา เป็นงานเวียนเทียนที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดพะเยาและมีเพียงแห่งเดียวในโลก

 

\"\" \"\" \"\" \"\" \"\"ในครั้งนีจังหวัดพะเยาไดจัดกิจกรรมงานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยาหนึ่งเดียวในโลก ประจำปี พ.ศ. 68 ครั้งที่ 53 54 และ 55 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศกาล ประเพณี วัฒนธรรมของจังหวัดพะเยา และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว อีกทั้งร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดพะเยา ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพะเยา และจังหวัดใกล้เคียง มาท่องเที่ยวงานประเพณี และวัฒนธรรมงานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยาครั้งที่ 53 -54 และ 55 โดยช่วงเช้าเวลา 07.30 น. มีพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ จำนวน 69 รูป ช่วงเย็นพิธีเปิดงานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยาเวลา 17.30 น. ณ บริเวณท่าเรือวัดติโลกอาราม จากนั้นลงเรือไปประกอบพิธีเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา กับบรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดงหลังทิวเขาอันสวยงามของกว๊านพะเยา ที่จะเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่กว๊านพะเยาจะสวยที่สุด ภายในงานยังมีกิจกรรมตลาดนัดผลิตภัณฑ์ชุมชนและภูมิปัญญา ทั้งนี้จังหวัดพะเยา ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป สามารถเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอารามได้ตลอดทั้งวัน พร้อมทั้งได้จัดเตรียมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยได้จัดกำลังเจาหนาที่ดูแลและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวจนกว่านักท่องเที่ยวคนสุดทายจะเวียนเทียนแล้วเสร็จ เพื่อสรางความประทับใจ และจะได้กลับมาเยือนจังหวัดพะเยาอีก ในโอกาสต่อไป