กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ลำปาง ยื่นข้อเรียกร้อง หลังถูกดราคาจากพ่อค้าคนกลางอย่างหนัก

\"\"
วันนี้ที่ 13 พ.ค.68 ที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง
ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จาก 4 อำเภอ ของ จ.ลำปางประกอบด้วย อ.เกาะคา เถิน แม่ทะ และห้างฉัตร นำโดย นายนพปฎดล เจสัน จีรสันติ์ พร้อมด้วยเกษตรกรประมาณ 30 คน รวมตัวกัน เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาล ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เพื่อแสดงสัญลักษณ์ในการเสนอนโยบายในการปฏิรูประบบโคเนื้อไทย ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรโคเนื้อทั่วประเทศ

\"\"

โดยมีนายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นางสาวเยาวเรศ แซ่โค้ว พาณิชย์จังหวัดลำปาง นายจิตติศักดิ์ ศรีปัญญา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังปัญหา
นายนพปฎดล เจสัน จีรสันติ์ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ กล่าวว่า ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศไทย คือระบบโครงสร้างอุตสาหกรรมโคเนื้อในประเทศไทย เกษตรกรเลี้ยงโคแล้วไม่รู้จะไปขายที่ไหน ไม่มีรองรับเหมือนหมู ไก่ หรือไข่ไก่ รวมถึงเรื่องการเปิดตลาดไปประเทศจีน เนื่องจากไทยไม่มีชายแดนติดต่อกับจีน การส่งออกโคเนื้อจึงต้องผ่านประเทศเพื่อนบ้าน

\"\"

ซึ่งการเลี้ยงโคเนื้อของเพื่อนบ้านยังคงล้าหลังไทยอยู่ ทำให้เป็นคอขวดไม่สามารถส่งออกโคเนื้อผ่านเพื่อนบ้านไปจีนได้ ทางรัฐบาลจึงต้องหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกรในการส่งออกโคเนื้อมีชีวิตไปจีนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางทะเล หรือรถไฟไทย-จีน อีกประเด็นหลักคือการแปรรูปโคเนื้อจากเกษตรกรผู้เลี้ยงไปถึงโรงเชือดโรงตัดแต่ง จะเข้าสู่โมเดิร์นเทรด ห้างสรรพสินค้าได้อย่างไร ซึ่งทางเกษตรกรไม่สามารถทำเองได้ ทางเกษตรกรได้มีการพูดคุยปรึกษากันว่า หากมีการตั้งบริษัทมหาชนทำโรงเชือด โรงตัดแต่ง จะสามารถระบายโคเนื้อในประเทศไทยได้ประมาณ 7 แสนตัวต่อปี ถ้าสำเร็จจริงใน 4 ภาค จะทำให้ไทยขายเนื้อกล่อง และเครื่องในต่างๆไปยังต่างประเทศได้ ซึ่งจะทำได้ง่ายกว่าส่งโคเนื้อมีชีวิตไปต่างประเทศ จึงอยากให้ทำทั้งสองแนวทางไปควบคู่กันไป ให้เกษตรกรโคเนื้อของไทยอยู่ได้และมีรายได้ที่มั่นคง
นายนพปฎดล กล่าวอีกว่า ในส่วนของ จ.ลำปาง ส่วนใหญ่จะเลี้ยงโคสายพันธุ์ลูกผสมบีฟมาสเตอร์ เลือดผสมชาร์โรเล่ส์ ลูกผสมอเมริกันบราห์มัน มีการส่งออกโคเนื้อมีชีวิตไปทางประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถูกกดราคาลงอย่างมาก จากที่เคยขายราคากิโลกรัมละ 75-80 บาท ถูกกดเหลือกิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่กิโลกรัมละ 75 บาทแล้ว ทั้งหญ้า ข้าวโพด อาหารเม็ด ฯลฯ ทำให้เกษตรกรต้องรวมตัวกันขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม