สงขลา-สะเดา เจ้าของร้านขายของชำผวา โจรแสบปีนหลังคาบ้านก่อนหย่อนตัวลงจากฝ้าเพดาน ฉกเงินในลิ้นชักประมาณ 500 บาท ส่วนทรัพย์สินอย่างอื่นไม่เอาไป เปิดกล้องวงจรปิดพบเป็นผู้ชายไม่สวมเสื้อ ปีนป่ายเหมือนฮีโร่หนัง สไปเดอร์แมน
25 ก.พ. 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา หลังจากได้รับแจ้งจากนางพวงน้อยฯ ชุมลออ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เลขที่ 4 ถนนสหมาราพัฒนา เขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ว่าที่ร้านขายของชำของตนเองถูกหัวขโมย ลอบเข้ามาทางฝ้าเพดานขโมยเงินที่ใส่ไว้ในลิ้นชักสำหรับเก็บเงินไว้ทอนให้กับลูกค้า ดูคลิป https://www.facebook.com/share/v/1F2euJ9xxJ/?mibextid=wwXIfr
นางพวงน้อยฯ บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.หลังจากที่ตนเองและสามีปิดร้านช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ก่อนไปพักผ่อนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง พอรุ่งเช้าก็มาเปิดร้านเพื่อขายของตามปกติ แต่ขณะเปิดประตูร้านพบว่ามีเศษฝ้าเพดานตกหล่นอยู่ที่พื้น และฝ้าเพดานมีร่องรอยถูกรื้อเป็นช่องโหว่ ทำให้ตกใจมากเชื่อว่าร้านตนถูกขโมยเข้ามาแน่นอน
จากการตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าเงินทอนในลิ้นชักเก็บเงินทั้งธนบัตร และเหรียญรวมประมาณ 500 บาทหายไป ส่วนข้าวของอื่นๆยังอยู่ครบ ตนเองและสามีจึงเปิดกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบว่าคนร้ายเป็นใคร ก่อนไปแจ้งความที่ สภ.ปาดังเบซาร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ก.พ.
ทั้งนี้นางพวงน้อยได้พาผู้สื่อข่าวไปยังบริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อว่าคนร้ายปีนเสาขึ้นไปบนหลังคา ก่อนเดินไต่มาเปิดหลังคาและฝ้าเพดาน เข้ามาในร้าน
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ในช่วงเวลาประมาณ 23.30 น.คนร้ายเป็นชายหุ่นผอม นุ่งกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อ กำลังก้มๆเงยอยู่ที่บริเวณลิ้นชักเก็บเงิน สักครู่เดียวก็ขึ้นยืนบนเก้าอี้ เหยียบชั้นวางของและจับขอบประตูเหล็กยืดและป่ายปีนท่าทางเหมือนฮีโร่หนังสไปเดอร์แมน มุดฝ้าเพดานกลับไป
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่คิดสงสัยว่าคนร้ายเป็นใครหรือไม่ นางพวงน้อยฯบอกว่าก็พอจะคุ้น คงเป็นลูกค้าที่เคยมาซื้อของ ที่ลงมือคงเป็นเพราะเดี่ยวนี้มีคนติดและเสพยากันเยอะ ต้องการเงิน จึงไม่ประสงค์ทรัพย์สินอื่น ๆ อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 ก.พ. ซึ่งคนร้ายเข้ามาทางหลังคาห้องน้ำและเข้ามาในช่วงหลังบ้าน ขโมยเอาน้ำมันพืชไปจำนวนหนึ่ง อาจเป็นคนร้ายคนเดียวกันที่ย่ามใจจึงลงมือซ้ำ
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่บอกว่าสำหรับเคสนี้ มีลักฐานจากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัด มั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่เกินสามวันก็จะสามารถจับตัวมาสอบสวนดำเนินคดีได้ ส่วนตนเองไม่หวังว่าจะได้เงินกลับคืน แต่จะบอกว่าอย่าไปทำพฤติกรรมแบบนี้ที่ไหนอีก ในส่วนของเจ้าหน้าที่อยากให้มีการออกตระเวนสอดส่องดูแลให้มากขึ้น เพราะบริเวณนี้กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว