คนภูเก็ตรวมตัวสวมเสื้อขาว ยื่นหนังสือ “ไม่เอากาสิโน”

ภูเก็ต สวมเสื้อขาว ยื่นหนังสือ \”ไม่เอาบ่อนกาสิโน\” ด้วยเหตุผลสําคัญ คือ บั่นทอนภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่มีชื่อเสียง เพิ่มปัญหาอาชญากรรม 

วันนี้ (9 เม.ย.68) บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต กลุ่มคนภูเก็ตไม่เอากาสิโน ทั้งผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้รักในเมืองภูเก็ตและสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต กว่า 100 คน พร้อมด้วยแผ่นป้ายข้อความต่างๆ อาทิ กูไม่เอาคาสิโน กูไม่ได้ดัดจริต, ชาวภูเก็ตไม่ขอทน no casino in thailand, CASINO=นักการเมืองรอด แต่ประเทศชาติและประชาชนพัง เป็นต้น ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลผ่านทางจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายธีระพงศ์ ช่วยชู ปลัดจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้รับมอบ พร้อมกันนี้ได้มีการอ่านแถลงการณ์คัดค้านร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมด้วย ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ \"\"

นายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ หนึ่งในผู้คัดค้าน ได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะพลเมือง ผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้รักในเมืองภูเก็ต และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ในการ คัดค้าน การผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยเหตุผลสําคัญ คือ บั่นทอนภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวคุณภาพภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่มีชื่อเสียงด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรของผู้คน การนํากาสิโนเข้ามาจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเมืองจาก “จุดหมายปลายทางเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ” ไปเป็น “แหล่งอบายมุข” ซึ่งอาจลดความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว กลุ่มสุขภาพ และนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่เป็นเป้าหมายหลักของภูเก็ตในระยะยาว

เพิ่มปัญหาอาชญากรรมและสังคมในพื้นที่ธุรกิจกาสิโนมักเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน แรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจะซ้ําเติมปัญหาสังคมในจังหวัดที่มีโครงสร้างสังคมเปราะบาง และเพิ่มภาระต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งตํารวจ หน่วยงานท้องถิ่น และองค์กรสาธารณะ, กระทบต่อคุณภาพชีวิตของชาวภูเก็ตตั้งกาสิโนอาจกระตุ้นให้เกิดการเสพติดการพนัน หนี้สิน ความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาสุขภาพจิตในชุมชนท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและแรงงานที่เปราะบาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของครอบครัวและสังคมในระยะยาว\"\"

การกระจุกตัวของผลประโยชน์ในกลุ่มทุน รายได้จากธุรกิจกาสิโนมักไม่กระจายสู่ประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลับตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการสร้างรายได้ให้ประชาชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึง, ทําลายแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูเก็ต เพราะภูเก็ตได้กําหนดทิศทางการพัฒนาสู่ “เมืองสุขภาพและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” (Smart City / Wellness Destination) การผลักดันกาสิโนสวนทางกับนโยบายนี้โดยตรง และเสี่ยงทําให้แผนพัฒนาในภาพใหญ่สูญเปล่า ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพนักท่องเที่ยว และขาดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนภูเก็ต จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเวทีที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายนี้ การกําหนดนโยบายที่กระทบต่ออนาคตจังหวัด ไม่ควรทําโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนเจ้าของพื้นที่\"\"

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หยุดการผลักดันร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และหันมาให้ความสําคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์เป็นธรรม และยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวคุณภาพระดับโลก

ในส่วนของ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเหตุผลสําคัญในการคัดค้าน ได้แก่ ละเมิดหลักนิติธรรมการนิรโทษกรรมโดยเหมารวม เป็นการทําลายหลักการรับผิดทางกฎหมายเปิดช่องให้ผู้กระทําผิดโดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันหรืออาชญากรรมทางการเมือง หลุดพ้นความรับผิดโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม, สร้างบรรทัดฐานที่อันตราย เพราะการออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นการส่งสัญญาณว่า “ผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ” ซึ่งจะบ่อนทําลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเป็นแบบอย่างที่ผิดพลาดต่อสังคม, กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทําผิดในอดีต การนิรโทษกรรมอย่างไม่แยกแยะคือการ “ซ้ําเติม” ความเจ็บปวดของผู้เสียหาย และลดทอนคุณค่าของความยุติธรรมในสังคม, ไม่ตอบโจทย์การปรองดองอย่างแท้จริง ดังนั้นการนิรโทษกรรมไม่ใช่เครื่องมือในการสร้างความสมานฉันท์อย่างยั่งยืน เพราะปรองดองต้องเกิดจากความจริง ความรับผิด และความยุติธรรม ไม่ใช่การล้างผิดโดยกฎหมาย\"\"

จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และผู้มีอํานาจพิจารณา ยุติการผลักดันร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับโดยทันที และให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอนนโยบายที่กระทบต่อสังคมส่วนรวมด้วยความเคารพในหลักประชาธิปไตย ความยุติธรรม และอนาคตของประเทศ