ตรัง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคห้วยนางผนึกกำลังเกษตรกร 5 จังหวัดภาคใต้ พัฒนาสายพันธุ์โควากิวคุณภาพสูง เนื้อไขมันแทรกถึงเกรด 8 สร้างรายได้ตัวละแสน เผยความต้องการตลาดสูง แต่ผลิตไม่ทัน พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายรองรับความต้องการของตลาดในและต่างประเทศ\”
ที่วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์พื้นเมืองอ่างเก็บน้ำห้วยนาง ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายประดิษฐ์ คงดี อายุ 40 ปี ประธานกลุ่มฯ ได้นำชมการเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ดีที่เกษตรกรใช้ความรู้ความสามารถส่วนตัวในการพัฒนาสายพันธุ์จากโคเนื้อพันธุ์พื้นเมือง ผสมกับโคเนื้อสายพันธุ์ต่างประเทศจนมาได้โคเนื้อพรีเมี่ยม สายพันธุ์ลูกผสมวากิว ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ จึงได้จับมือสร้างเครือข่ายกับเกษตรกรในจังหวัดตรัง และต่างจังหวัด คือ จ.กระบี่,สตูล,ปัตตานี,นครศรีธรรมราช และตรัง เพื่อร่วมกันพัฒนาสายพันธุ์ และจัดหาตลาดร่วมกัน จากเดิมเคยต่างคนต่างทำ และต่างคนต่างขาย ปรากฏว่าหาตลาดไม่ได้ แต่เมื่อจับมือกันเลี้ยงผลิตโคเนื้อคุณภาพได้ ได้ทั้งโคเนื้อคุณภาพ ได้ทั้งตลาดและลดต้นทุนการขนส่ง จนเป็นที่ยอมรับของโรงงานรับซื้อขนาดใหญ่ที่ จ.สตูล และจ.นครปฐม เพื่อป้อนตลาดต่างประเทศ
นายประดิษฐ์ คงดี อายุ 40 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ฯ บอกว่า โคที่เลี้ยงตอนนี้เริ่มต้นมาจาก เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่เริ่มเลี้ยงโคพื้นเมือง และโคสายพันธุ์ต่างประเทศ 5 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์วากิว สายพันธุ์แองกัส แบรงกัส บรามัน และสายพันธุ์ชาโรเลส์ แต่ปรากฏว่าหาตลาดไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพิ่งค้นพบเป้าหมายของตลาดที่ต้องการมากที่สุด คือ สายพันธุ์ลูกผสมวากิว จึงได้พยายามพัฒนาสายพันธุ์ด้วยตนเอง ตั้งเป้าให้ได้สายพันธุ์วากิวทั้งหมด เพื่อป้อนตลาดโรงงานที่ต้องการโคเนื้อพรีเมี่ยมไขมันแทรก เพราะพันธุ์วากิวจะมีไขมันแทรกมากที่สุด มีทั้งหมด 2 ตลาด คือ ส่งตลาดโคเนื้อแปลงใหญ่จังหวัดสตูล และสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน สหกรณ์ MAX BEEF โดยจับมือเกษตรกรในพื้นที่และต่างจังหวัด เช่น ตรัง กระบี่ ปัตตานี นครศรีธรรมราช สตูล เครือข่ายสมาชิก ตอนนี้ประมาณ 20-30 คน ทั้งเครือข่ายตรัง สตูล กระบี่ ปัตตานี นครศรีฯ ของจ.ตรังประมาณ 10 ราย ตอนนี้ทั้งเครือข่ายมีโครวมกันประมาณ 100 ตัว ของตนเองตอนนี้มีประมาณ 50 ตัว และที่กำลังขุนพร้อมส่งตลาดจำนวน 15 ตัว
โดยข้อดีของการรวมกลุ่มกันผลิตและขาย คือ ได้โคเนื้อคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ และลดต้นทุนค่าการขนส่ง เพราะแต่ละครั้ง่จะรวบรวมโคส่งไปคันเดียวกัน ได้ช่วยกันเฉลี่ยค่าขนส่ง และมีโคป้อนโรงงานได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียตลาด และตอนนี้โคที่ส่งไปปรากฎว่าผลการทดสอบคุณภาพเนื้อของเราสามารถพัฒนาคุณภาพเนื้อได้ถึงเกรด 8 แล้ว โดยเนื้อมีทั้งหมด 12 เกรด ราคาปรับไปตามเกรดที่มีไขมันแทรก ตอนนี้ได้ราคาขั้นต่ำกก.ละ 100 บาท และราคาจะสูงขึ้นตามคุณภาพไขมันแทรก และผลดีเมื่อเรารู้คุณภาพของเนื้อโคเราแล้ว จะได้พัฒนาต่อไป ตอบสนองตลาดได้เป็นอย่างดี ซี่งการพัฒนาสายพันธุ์ เรียนรู้จากการลงมือทำ และศึกษาจาก ยูทูป หน่วยงานราชการ และมาปรับใช้ให้ถูกกับตลาด ทั้งนี้ โคเนื้อลูกผสมสายพันธุ์วากิว ความต้องการของตลาดมีมาก แต่เราผลิตได้ไม่เพียงพอ ส่วนต้นทุนการเลี้ยง ยอมรับว่าภาคใต้จะมีต้นทุนสูงกว่าทุกภาคทั่วประเทศ เพราะวัตถุดิบมีน้อย เช่น ต้องสั่งซื้อกากข้าวโพดจากภาคอื่น แต่พยายามหาแหล่งวัตถุดิบในพื้นที่มาผสม เศษวัสดุจากปาล์มน้ำมันเหลือจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่สามารถนำมาหมักผสมทำอาหารเลี้ยงโคขุน เช่น กากข้าวโพด (จากภาคอื่น) ผสมกับเศษขี้เค้ก (กากปาล์มน้ำมัน) เศษมันสำปะหลัง (ในพื้นที่) นำมาหมักกับยีส และอาหารข้น เพื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงโคขุน เพื่อลดต้นทุนอาหารหยาบ ( อาหารหยาบ เช่น ฟางแห้ง หญ้าสด หญ้าหมัก ) ขณะเดียวกันก็ทำแปลงปลูกหญ้าเอง เอามาทำหญ้าหมักเก็บไว้ใช้ทั้งฤดูฝน ฤดูร้อน แต่ถ้าเราไม่มีอาหารหยาบเพียงพอ ต้นทุนจะสูงมาก ทั้งนี้ เมื่อผสมทำอาหารเองรวมค่าจัดการหมดแล้วตกกก.ละ 3 บาท แต่ถ้าไม่ทำ ต้นทุนจะสูงมาก โดยโคขุน 1 ตัว ต่อวันกินเป็น 10 กก.ขึ้นไป และการวางแผนการเลี้ยง ถ้าทำโคไขมันแทรกการเลี้ยงอย่างน้อยใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงจะสามารถขายได้ ส่วนมูลวัวผลิตได้ปีละประมาณ 5,000 กระสอบ นำไปใส่สวนปาล์มของตนเอง นำไปใส่เป็นปุ๋ยแปลงหญ้า ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยสารเคมี และเหลือก็จำหน่ายกระสอบละ 40-50 กระสอบ ช่วยลดต้นทุนค่าอาหารหยาบได้มาก โดยขณะนี้ในฟาร์มตนเอง มีโคทั้งหมดประมาณ 50 ตัว เลี้ยงระบบโรงเรือนประมาณร้อยละ 80-90 ปี มีแต่พันธุ์กว่า 10 ตัว แต่พยายามจะทำโคขุนให้มากที่สุด เพื่อป้อนโรงงาน ในการนำเข้าคอกขุนชุดละไม่ต่ำกว่า 10 ตัว จะขายได้ประมาณตัวละ 60,000 -100,000 บาท แต่ถ้าเป็นตลาดทั่วไปจะขายได้แค่ประมาณตัวละ 30,000 บาท เท่านั้น โดยโคทุกตัวที่จะขาย จะต้องขึ้นทะเบียนกับบริษัท ก็จะได้โค๊ตติดใบหูทุกตัว จะต้องถ่ายรูปเสนอบริษัท บอกสายพันธุ์ น้ำหนัก เบอร์หูเบอร์อะไร ถึงเวลาก็ทยอยจับขาย ทิศทางวัวตอนนี้ ตลาดหาไม่ยาก อยู่ที่ว่าเราปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้หรือไม่ ตลาดโคพรีเมี่ยมตอนนี้ มีไม่เพียงพอ ตลาดต้องการสายพันธุ์ผสมวากิว แต่ที่มีอยู่ตอนนี้หลายสายพันธุ์จึงต้องพัฒนาต่อไป จึงต้องจับมือกับเกษตรกรจังหวัดอื่นด้วย ที่มีแนวทางและคุณภาพเดียวกัน เพื่อป้อนโรงงาน ไม่เช่นนั้นก็มีไม่เพียงพอ