ตรัง-ภาคปชช.ตรัง จี้ อธิบดีกรมโยธาฯลงพื้นที่ดูหน้างานเร่งแก้ปัญหาก่อสร้าง “จัตุรัสเมืองตรัง” 43 ล้าน มหากาพย์สร้างนานเกิน 800 วัน ขยายสัญญาแล้วยังไม่เสร็จ หึ่ง!เตรียมขยายต่อ พบไม่ตรงปกหลายรายการ ประชาพิจารณ์สุดสวยทำจริงอีกแบบ จี้เปิดเหตุผลอนุมัติขยาย-แก้แบบจนเพี้ยน ลั่นปชช.จะตรวจรับงานเอง ผวจ.รับลูกเสนอเรื่องต่อ แย้มมีตั้งโต๊ะแถลงชี้แจง
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดตรัง เครือข่ายชมรมเสียงประชาชน(สปช.) นำโดยนายจิระศักดิ์ ควนจันทร์ เลขานุการสปช. และนายภัคพงษ์ วิธานติรวัฒน์ สมาชิกสปช.และสถาปนิกอิสระ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ผ่านนายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจ.ตรัง ในฐานะกรมโยธาฯเป็นคู่สัญญาฝ่ายผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างจัตุรัสเมืองตรัง วงเงิน 43 ล้านบาท บริเวณหอนาฬิกาเมืองตรัง ถนนวิเศษกุล ภายในเขตเทศบาลนครตรัง โดยมีบริษัท ตากใบการโยธา เป็นผู้รับจ้าง หลังครบกำหนดก่อสร้าง 700 วันตามสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 แต่ก็ยังก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา โดยกรมโยธาฯได้อนุมัติตามที่ผู้รับจ้างเสนอขอขยายเวลาการก่อสร้างเพิ่มอีก 121 วันในรอบแรก โดยอ้างเหตุวันเสียโอกาสในการทำงาน(Daily report) ทำให้ไม่ต้องเสียค่าปรับ โดยขณะนี้กำลังจะสิ้นสุดขยายสัญญารอบแรกในวันที่ 26 มีนาคม 2568 ซึ่งจากปริมาณงานการก่อสร้างในปัจจุบันก็ไม่มีทีท่าแล้วเสร็จตามที่ขอขยายเวลาไว้
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าฝ่ายผู้รับจ้างได้เสนอกรมโยธาฯพิจารณาอนุมัติขยายสัญญาในรอบที่สองออกไปอีกราว 45 วัน โดยอ้างเหตุอุปสรรคการก่อสร้างในส่วนของพื้นผิวถนน ที่ติดขัดปัญหาเรื่องการจัดการจราจรบรรดายวดยานที่สัญจรผ่านพื้นที่ก่อสร้าง โดยฝ่ายผู้รับจ้างรับปากจะเร่งงานให้แล้วเสร็จก่อนวันสงกรานต์นี้
สำหรับเนื้อหาในหนังสือดังกล่าว เรียกร้องให้อธิบดีกรมโยธาฯเร่งลงพื้นที่โครงการเพื่อติดตามสั่งการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ตลอดจนรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนชาวจังหวัดตรังต่อโครงการดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวตรัง ทั้งผู้สัญจรพบเห็น และในโลกโซเชี่ยลมีเดียว่า เมื่อก่อสร้างไปแล้วกลับได้ภาพที่ไม่ตรงปก ไม่สวยงามปลอดภัยสมกับแบบที่ผ่านการทำประชาพิจารณ์โครงการ เนื่องจากมีการปรับแก้ไขแบบก่อสร้างในสาระสำคัญของสัญญามาโดยตลอดโดยไม่แจ้งประชาชนทราบ ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนวัสดุ โดยเฉพาะเทคนิคการสร้างลวดลายบนพื้นถนนเป็นลายผ้าทอนาหมื่นศรี สัญลักษณ์ผ้าทอโบราณของตรัง ที่แก้จากเดิมที่ใช้กระเบื้องเซรามิกปูลาย ซึ่งมีราคาแพงคุณภาพยุโรป มาเป็นการทาสีพิเศษสร้างลายบนผิวถนน(โพลีไวนิล) ซึ่งในระหว่างการทาสีรองพื้นได้เกิดอุบัติเหตุจักรยานยนต์ของประชาชนลื่นล้มไปหลายคัน เนื่องจากไม่ได้มีการปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างและมีฝนตกลงมาทำให้ลื่น นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อทำลวดลายเสร็จแล้ว ด้วยปริมาณรถและการใช้งานจริง จะมีความคงทนคุ้มค่าหรือไม่ เพราะเทคนิคดังกล่าวไม่ปรากฏพบกับการทำถนนที่มียวดยานสัญจรจำนวนมาก พบเพียงการตกแต่งสานสาธารณะหรือบริเวณหน้าบ้าน-อาคาร หรือฟุตบาทเท่านั้น
นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จะรับเรื่องนำเสนอต่อไป และจะสอบถามไปทางกรมโยธาฯตามที่ภาคประชาชนห่วงใย ทั้งในเรื่องเหตุผลการขยายสัญญา การแก้ไขรายละเอียดการก่อสร้างในสัญญา และยอมรับว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ก็จะนำข้อห่วงใยของประชาชนไปปรึกษาหารือต่อไป โดยอาจจะมีการเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อสังเกตุและข้อสงสัยโดยหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายจิระศักดิ์ ควนจันทร์ เลขานุการสปช. กล่าวว่า ภาคประชาชนมาติดตามความคืบหน้าโครงการ เพราะจะสิ้นสุดสัญญาแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแล้วเสร็จ และมีข่าวแว่วมาว่ากรมโยธาฯจะพิจารณาให้ต่อสัญญาอีกเป็นรอบที่สอง เรื่องนี้เป็นบทเรียนนี้เกิดจากงบส่วนกลางที่ลงมาในพื้นที่ ซึ่งแม้จะมาจากส่วนกลางโดยโครงการจัตุรัสเมืองตรัง 43 ล้านบาท เป็นงบพัฒนากลุ่มจังหวัดอันดามันจากวงเงินรวมทั้งหมด 2 พันกว่าล้านบาท ซึ่งมีหลายโครงการอยู่ในเขตพื้นที่เทศบาลนครตรัง ดังนั้นท้องถิ่นจะรู้พื้นที่ตลอดจนเอกลักษณ์อัตลักษณ์พื้นที่ โดยเฉพาะจัตุรัสเมืองตรัง ท้องถิ่นควรให้ความสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมเสนอแนะติดตามมากกว่านี้ อย่าทิ้งปัญหาให้กับส่วนกลาง เพราะตามสัญญาโครงการมีนายกเทศมนตรีนครตรังหรือผู้แทนนั่งเป็นคณะกรรมการตรวจงานจ้างและมีเจ้าหน้าที่สำนักช่างของเทศบาลฯนั่งเป็นช่างควบคุมงานด้วย ซึ่งกฎหมายให้อำนาจในการเป็นคณะกรรมการบริหารสัญญาอีกหน้าที่ โดยต้องทำบันทึกรายงานทุกสัปดาห์ เมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบ คณะกรรมารตรวจงานจ้างและควบคุมงานต้องรับรู้ หากผู้รับเหมาทำไม่ตรงแบบก็ต้องทักท้วง สั่งแก้ไข และจัดทำรายงาน
นายจิระศักดิ์กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คืองานที่ไม่ตรงกับแบบ และโครงการก่อสร้างอยู่บนเขตพื้นที่เมืองเก่าทับเที่ยงตามประกาศเขตเมืองเก่า 1.9 ตารางกิโลเมตร ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติประกาศตามการเสนอของคณะกรรมการเมืองเก่ารัตนโกสินทร์ ที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการเมืองเก่าจ.ตรัง มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบ พิจารณา เสนอแนะเกี่ยวกับการก่อสร้างภาครัฐในเขตพื้นที่เมืองเก่าตามประกาศ ดังนั้นคณะอนุกรรมการเมืองเก่าฯ ก็ควรจะออกมามีบทบาทติดตามเสนอแนะในส่วนนี้ด้วยว่าเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
“ขอเรียกร้องไปยังอธิบดีกรมโยธาฯเจ้าของโครงการให้ลงพื้นที่มาดูปัญหาด้วยตัวเองด้วย เพราะกรมโยธาฯใช้งบในการพัฒนาลงตามจังหวัดต่างๆมากมาย ท่านก็ควรจะลงมาดูหน้างานด้วย โดยเฉพาะหน้างานของจ.ตรังที่กำลังมีปัญหา ให้มาชี้แจงกับชาวตรังว่าแบบที่ไม่ตรงกับวันประชาพิจารณ์นั้นเพราะสาเหตุอะไร การให้ขยายสัญญาครั้งที่สองนั้นด้วยเหตุผลใด สุดท้ายเราไม่เชื่อว่าคณะกรรมการจะตรวจรับงานนี้ และถึงแม้ราชการจะตรวจรับ แต่ถ้าไม่ตรงปกประชาชนก็จะตรวจรับเองอีกที”นายจิระศักดิ์กล่าว
นายภัคพงษ์ วิธานติรวัฒน์ สถาปนิกอิสระชาวจ.ตรัง กล่าวว่า สำหรับรูปแบบการก่อสร้างเท่าที่ภาคประชาชนได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบ จากแบบที่ผ่านการประชาพิจารณ์ถือว่าสวยงามระดับโลก แต่พอก่อสร้างจริงมีการปรับแก้แบบกันมาโดยตลอด พอออกมาจริงหลายคนว่าสวยแล้ว แต่ถ้ายึดตามแบบแรกจะสวยงามมากกว่านี้ ทั้งในส่วนของโค้งจุดเลี้ยวฟุตบาทต่างๆที่มีการแก้แบบหลายจุด ความปลอดภัย การตีเส้นจราจร โดยเฉพาะความสวยงามของลวดลายที่สร้างบนพื้นถนนจะชัดเจนสวยงามกว่านี้ แต่ลายที่เกิดขึ้นนี้อาจเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยเพราะผู้ขับขี่อาจตาลายโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และการเปลี่ยนวัสดุและเทคนิคการสร้างลายบนถนนแบบนี้ เปิดใช้ถนนได้ไม่เกินครึ่งวันสีของลายจะหม่นลงแน่นอน สกปรกเร็วแน่นอน เพราะตามแบบก่อสร้างแรกไม่ได้ใช้เทคนิคนี้ เพราะในการใช้งานจริงมีทั้งฝุ่น คราบสกปรกจากการสัญจรจของรถ รอยล้อยาง และอื่นๆ และตอนนี้ยังไม่ส่งมอบงานก็พบว่าลวดลายบางส่วนมีการหลุดร่อนและลอกแล้ว และเชื่อว่าหมดระยะประกันงานแล้วไม่เกิน 2 เดือนสภาพจะทรุดโทรมทันที จึงรู้สึกว่าเสียดายงบประมาณที่ใช้ไป และอยากทราบเหตุผลว่าทำไมไม่ก่อสร้างตามแบบแรก ด้วยเหตุผลใด
“ยืนยันว่าไม่ได้มาขัดขวางโครงการ เพราะเราเข้าใจคนทำงาน แต่ไม่เข้าใจเจ้าของโครงการว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร เพราะเสียทั้งเวลาและงบประมาณไปมหาศาลมาก และจะมีการตรวจรับงานกันได้หรือไม่ อยากให้มีการถอดบนเรียนและทบทวนโครงการภาครัฐที่ลงมาให้พื้นที่ เพราะตามแบบที่ประชาพิจารณ์กับประชาชนครั้งแรกมันสวยไปหมด แต่ทำไปทำมามันลดทอนค่าของงานลงไปเรื่อยๆ หลายโครงการในประเทศไทยที่มีการมาแก้แบบภายหลังโดยอ้างติดขัดขั้นตอนปฏิบัติกันจนความงามทางสถาปัตย์เสียไปหมด หลายโครงการกลายเป็นทัศนะอุจาด ในพื้นที่จ.ตรังเกิดขึ้นบ่อย อาทิ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารสนามบินตรังซึ่งก็เปลี่ยนแปลงไปมาก คนตรังต้องมาทบทวนว่าเราจะยอมรับได้ไหม จากแบบเดิมที่มาบอกเรามันสวยมาก แต่พอทำเข้าจริงเป็นอีกอย่าง”นายภัคพงษ์ กล่าว