ตรัง สานต่อศิลปะพื้นบ้าน หนังตะลุงเยาวชนถ่ายทอดนิยาย-นวนิยายผ่านเงาหนัง

 

ตรัง-สอนการนำนิยาย นวนิยาย สู่จอแสดงหนังตะลุงให้เยาวชนหนังตะลุง สาธิตการแกะสลักรูปหนังตะลุงจากหนังวัว การร้อยลูกปัดมโนราห์ และดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกร้านจำหน่ายขนมพื้นบ้าน ทั้งขนมจาก ขนมครก ที่เคยอยู่กับหนังตะลุงตั้งแต่ในอดีต แต่ปัจจุบันการแสดงหนังตะลุงน้อยลง เป็นบรรยากาศที่หาดูยาก 

ที่บ้านนายหนัง “วิชชาลัยหนังตะลุง ศูนย์ฝึกอันดามัน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หมู่ 5 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยหนังอาจารย์อนันต์ สิกขาจารย์ ผู้มีผลงานดีเด่น ทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดงหนังตะลุง ปี 2534 แชมป์หนังตะลุงแห่งประเทศไทย รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เปิดบ้านจัดกิจกรรมสอนเยาวชนหนังตะลุง ตอน 2 ตอน “ปฏิบัติการตำนาน เรื่องหนังตะลุงที่ใช้แสดง” โดยการเปิดโรงให้เยาวชนซึ่งเป็นลูกศิษย์ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ได้ฝึกการแสดง โดยการนำนิยาย นวนิยายสู่จอหนังตะลุง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากตอนที่ 1( เรื่องเกร็ดความรู้จากครูหนังเชิงปฏิบัติการ) ที่สอนเยาวชนฝึกหนังตะลุงเมื่อปีที่ผ่านมา โดยปีนี้มีเยาวชนหนังตะลุงที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ร่วมทำการแสดงจำนวน 20 คณะ โดยเดินทางมาจากจ.นครศรีธรรมราช จำนวน 2 คณะ และนายหนังตะลุงเยาวชนในพื้นที่จ.ตรังอีก 18 คณะ โดยมี พ.ต.ท.สันต์ นุ่นเศษ รองผู้กำกับการสภ.ห้วยยอด เป็นประธาน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เยาวชนรุ่นพี่ที่มีผลงานโดดเด่นมาเป็นครูพี่เลี้ยงนำเสนอผลงานการแสดงบนโรงให้รุ่นน้องได้เรียนรู้ และประชาชนได้รับชม พร้อมกับเปิดโรงเล็กให้เยาวชนรุ่นเล็กที่กำลังทำการฝึกหัดทำการแสดงไปด้วย รวมพร้อมกัน 2 โรง และมีการสาธิตการแกะสลักรูปหนังตะลุงจากหนังวัว ของเยาวชนรุ่นใหม่ให้ได้ชม

ซึ่งดช.ศักรินทร์ ภัตศรี (น้องฟิล์ม) อายุ 12 ปี นร.ป.6 โรงเรียนวัฒนาศึกษา ซึ่งบอกว่า เป็นลูกศิษย์ขับหนังตะลุงของที่นี่ด้วย ตนเองฝึกแกะหนังตะลุงด้วย และเป็นแล้ว ตอนนี้สามารถแกะขายได้แล้วตัวละประมาณ 150 -500 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของรูปหนังตะลุงแต่ละตัว สามารถมีรายได้เสริมระหว่างเรียนไปด้วย

และยังมีการดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การสาธิตร้อยลูกปัดมโนราห์ เพื่อใช้ประกอบเป็นชุดการแสดงมโนราห์ ศิลปะการแสดงของชาวปักษ์ใต้อีกแขนงหนึ่ง

ที่ยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี 2564 และลูกปัดมโนราห์ยังสามารถร้อยประดับจอหนังตะลุงได้ด้วย การออกร้านจำหน่ายขนมพื้นบ้านคือ ขนมจากและขนมครก ที่อดีตเคยอยู่คู่กับหน้าจอหนังตะลุง แต่ปัจจุบันการแสดงหนังตะลุงมีน้อยลง จึงหาดูบรรยากาศได้ยากมากขึ้น สร้างบรรยากาศย้อนยุคของการชมหนังตะลุง

นายหนังอาจารย์อนันต์ สิกขาจารย์ เจ้าของโครงการ บอกว่า ปีนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนมาเป็นปีที่ 8 จากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ในการเปิดสอนเพื่อปั้นเยาวชนหนังตะลุงไว้สืบสานการแสดงศิลปะการแสดงแขนงนี้ ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา โดยตอนที่ 2 นี้ โดยนายหนังเยาวชนจะต้องรู้ว่าในการแสดงหนังตะลุงนั้น จะต้องนำเค้าโครงเรื่องการแสดงมาจากไหนบ้าง เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของหนังตะลุง และให้ถูกใจผู้ชม ซึ่งเรื่องทำการแสดงหนังตะลุงมีอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทนิยาย คือ เรื่องทั่วไปที่เป็นตำนาน เรื่องเล่าในอดีต นิทาน เรื่องที่แต่งหรือสมมุติขึ้นจากจินตนาการ และประเภทนวนิยาย คือ เรื่องที่แต่งขึ้นโดยมีรายละเอียด สถานที่ คน และเรื่องจักรๆวงศ์ๆ ทั้งนี้ นายหนังตะลุงกว่าจะเป็นนายหนังที่โดดเด่น เก่ง มีผู้ชมยอมรับในฝีมือการแสดงนั้น จะต้องมีความสามารถรอบด้าน ผ่านการฝึกฝน ค้นหาตัวเอง โดยเฉพาะความสามารถเฉพาะตัว ทั้งการขับกลอนหนัง ดนตรี การแต่งเรื่องและเดินเรื่องให้สนุกสนาน ผ่านลีลาการเชิด การขับ การพูด การร้องเพลง และความรอบรู้เท่าทันเหตุการณ์สถานการณ์ สังคม การเมือง และเรื่องอื่นๆในปัจจุบัน ที่สามารถหยิบยกมานำเสนอผ่านตัวหนังตะลุงได้อย่างสนุกสนานจึงจะตรึงผู้คนให้ติดตามได้ตลอดจนจบการแสดง จึงจะทำให้นายหนังตะลุงคนนั้นเป็นที่นิยมชื่นชอบ คนยอมรับและติดต่อทำการแสดง โดยตอนที่ 2 นี้ ก็มีลูกศิษย์ทั้ง รุ่นเก่า รุ่นใหม่ มาร่วมทำการแสดงรวม 20 คณะ เป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช 2 คณะ และที่เหลือเป็นลูกศิษย์เยาวชนในจ.ตรัง โดยบางคณะเริ่มเป็นนายหนังตะลุงดาวรุ่งที่ผลมีงานโดดเด่น บางคนได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน และจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องๆรุ่นใหม่ด้วย ทำการแสดง 2 คืนๆละ 10 คณะ และเปิดโรงเล็กให้น้องเยาวชนรุ่นใหม่ได้ทำการฝึกฝนด้วยอีก 1 โรง รวม 2 โรงพร้อมกันทุกคืน ส่วนอีกตอนที่ตนเองคิดจะทำเป็นโครงการต่อไป หากได้รับการสนับสนุนคือ สอนเยาวชนหนังตะลุงเรียนรู้การแสดงหนังตะลุง เพื่อทำพิธีกรรมแก้บน เนื่องจากการแก้บนโดยนายหนังตะลุง แต่ละปีจะมีงานจ้างเป็นจำนวนมากเช่นกัน

 

ซึ่งนายหนังตะลุงอาจทำได้ แต่ทำได้ดีสามารถแก้บนได้สำเร็จหรือขาดหรือไม่ ไม่ทราบ แต่หากไม่ขาดจะต้องทำใหม่ ดังนั้น นายหนังตะลุงควรจะเรียนรู้ไว้ เพื่อใช้สำหรับรับงานแสดงแก้บนได้ด้วย (****โดยการแก้บน ส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานเชื้อสายหนังตะลุง ที่มักจะบนบานให้สำเร็จในเรื่องใด ด้วยการหาคณะหนังตะลุงทำการแสดง )

 

ด้านนายคุณากร ประมุข นายหนังตะลุงดาวรุ่ง ศิษย์รุ่นแรกของอาจารย์อนันต์ ปัจจุบันจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช สาขาการจัดการวัฒนธรรมเชิงเศรษฐกิจสร้างสรร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชื่อทางวงการหนังตะลุงคือ หนังคุณากร นครศรี แชมป์ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2565 ในการแข่งขันหนังตะลุงในงานประเพณีเดือนสิบ สนามหน้าเมือง ซึ่งมีคู่แข่งขันทั้งจาก 14 จังหวัดภาคใต้ บอกว่า ส่วนตัวหันเล่นหนังตะลุง เพราะเกิดจากความชอบส่วนตัว และมีสายเลือดศิลปินหนังตะลุง เพราะมีคุณทวดคือ หนังกิ้มเนี่ยว เสียงชาย ( เป็นหนังผู้หญิง) หนังตะลุงชื่อดังชาวจ.พัทลุง แต่ตนเองเกิดไม่ทันทวด และตนเองเป็นศิษย์รุ่นแรกๆ ของวิชชาลัยหนังตะลุงของอาจารย์อนันต์ มาวันนี้ก็ถือเป็นเป็นตัวแทนของอาจารย์มาถ่ายทอดวิชาให้น้องๆ โดยปีนี้มี เยาวชนให้ความสนใจร่วมกิจกรรมมากประมาณ 15- 20 คณะ ชื่นชมที่อาจารย์มีโครงการเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับน้องๆเยาวชนที่สนใจอยากจะขับหนังตะลุงก็ได้มาเรียนรู้ ซึ่งปีนี้ พิเศษสำหรับตนและน้องๆ เพราะเปิดพื้นที่การแสดงให้นายหนัง หาเอกลักษณ์ของตัวเองในการแสดง ซึ่งมี 3 ประเภท คือ นวนิยาย นิยาย และประเภทจักรๆวงศ์ๆ ซึ่งแต่ละคณะจะมีเอกลักษณ์ในการนำเสนอเป็นของตนเอง บางคณะเด่นเรื่องการขับกลอน บางคณะเด่นในเรื่องการแสดงนิยาย บางคณะก็ตลก บางคณะก็ร้องเพลงสนุกสนาน ทันยุคทันสมัยขึ้น แต่ทุกคณะก็จะต้องมีวาทะศิลป์ในการแสดง และไม่ทิ้งเรื่องของเอกลักษณ์ของความเป็นหนังตะลุง เช่น เสียงหวาน นิทานดี ดนตรีเพราะ ตลกเก่งแล้วก็ทันยุคทันสมัย ทันเหตุการณ์สถานการณ์ เป็นเวทีให้น้องๆค้นหาตัวเอง สร้างประสบการณ์ แต่ปัจจุบันนี้การจ้างงานแสดงหนังตะลุงขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจ ส่วนตัวก็มีงานเดือนละ 5-6 คืน แต่หากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆก็มีงานเพิ่ม ที่สำคัญอยากฝากภาครัฐเห็นความสำคัญของการแสดงศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ทั้งมโนราห์ หนังตะลุง และเพลงบอก หากมีการจ้างทำการแสดงจะต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมให้ประชาชน เยาวชน และนักท่องเที่ยว มองเห็นและเข้าชมได้ง่าย เป็นหน้าเป็นตาได้โชว์ศิลปิน ไม่ใช่จัดให้ไปแสดงที่มุมอับที่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน อย่าลืมว่าศิลปวัฒนธรรมเป็นเครื่องบ่งบอกความเจริญของจังหวัดไม่ว่าจะเป็นหนังตะลุง มโนราห์ และเพลงบอก

\"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\"

\"\"

\"\"