จนท.สนธิกำลัง ยึดคืนหาดฝรั่ง-เกาะมุกด์ จัดระเบียบร้านค้า หลังชาวบ้านยึดขายของนาน 3 ปี

ตรัง -จนท.หลายฝ่ายสนธิกำลังยึดคืนพื้นที่จัดระเบียบชายหาดซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และถูกประกาศให้เป็นป่านันทนาการเกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง หลังชาวบ้านยึดพื้นที่ค้าขายมานานกว่า 3 ปี โดย เจ้าหน้าที่ใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจนานเกือบ 3 ชม.เพื่อเจรจาให้ถอยร่นร้านค้าไปอยู่ในจุดที่กำหนด แต่ชาวบ้านไม่ยอม จึงต้องใช้กำลังรื้อถอนไปได้ 4 ร้าน ที่เหลืออีก 6 ร้าน จึงยินยอม เพราะกลัวถูกดำเนินคดี ทั้งหมดจึงยอมถอยร่นไปค้าขายในจุดที่กำหนด เพื่อคืนพื้นที่ชายหาดให้แก่นักท่องเที่ยว   

เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกหน่วยในพื้นที่,เจ้าหน้าที่สำนักป่าไม้ที่ 12 (นครศรีฯ) ตำรวจ ปทส. ,ตำรวจภูธรจ.ตรัง , กอ.รมน.ตรัง ,เจ้าหน้าที่อุทยานฯหาดเจ้าไหม ฝ่ายปกครอง นำโดยนายวรวิทย์ หยูดำ ผอ.ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) , นายสมนึก กุนหลัด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าป่านันทนาการเกาะมุกด์ พร้อมกำลังประมาณ 80 นาย ลงพื้นที่ป่านันทนาการเกาะมุกด์ บริเวณหาดฝรั่ง ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเกาะมุกด์” หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เนื้อที่ 46 ไร่ ซึ่งเดิมเคยเป็นรีสอร์ทหรูของนายทุนที่ออกเอกสารสิทธิ์ นส. 3 มิชอบ และกรมป่าไม้ยึดคืนมาได้เมื่อปี 2553 โดยมีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับเจ้าของรีสอร์ท ต่อมาปี 2564 กรมป่าไม้ประกาศให้เป็นป่านันทนาการ พร้อมกับป่านันทนาการอื่นๆรวม 10 แห่งทั่วประเทศ และเป็นป่านันทนาการทางทะเลเพียงแห่งเดียว และสวยงามมากรองจากเกาะกระดาน โดยจากการตรวจสอบพบว่าชาวบ้านในพื้นที่จำนวน 10 ราย ได้ยึดพื้นที่บริเวณหาดทราย ซึ่งถูกจัดเป็นเขตการท่องเที่ยวและนันทนาการค้าขายอาหาร และเครื่องดื่ม มานานกว่า 3 ปี มีการจับจองพื้นที่หน้าร้านค้า วางโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์ ผ้าใบ ทั้งพื้นที่หน้าร้าน และรุกล้ำลงไปในพื้นที่บริเวณชายหาดอีก 3 แถว โดยมีการแบ่งพื้นที่กันแต่ละร้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าที่ผ่านมาได้มีผ่อนผัน และมีการนัดพบปะพูดคุยทั้งที่ว่าการอำเภอ รวมทั้งลงพื้นที่พูดคุยและปักป้ายแจ้งเตือน เพื่อขอให้ชาวบ้านย้ายข้าวของออกจากบริเวณชายหาด เนื่องจากเป็นการบุกรุกพื้นที่เขตการท่องเที่ยวและนันทนาการที่ประชาชนมีสิทธิ์ใช้ร่วมกัน แต่ชาวบ้านไม่ยอมย้ายออก ในครั้งนี้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงทำการตรวจยึดและรื้อร้านค้าดังกล่าวออกไป เนื่องจากเตรียมปรับภูมิทัศน์อาคารสำนักงาน ป้อมยาม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และห้องสุขา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต โดยมีการหาผู้รับเหมาและเซ็นต์สัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา งบประมาณกว่า 4 ล้านบาท และเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาเข้าดำเนินการก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พบชาวบ้านนับร้อยคนมารอพบ และขอประวิงค้าขายในจุดเดิมต่อไปอีก 2 เดือน ให้หมดฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ และคัดค้านไม่ให้มีการก่อสร้าง โดยอ้างว่าจะต้องผ่านประชามติจากชาวบ้าน และห่วงต่อไปจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าท่องเที่ยวจะกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยว และจะกระทบกับนักท่องเที่ยว และอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้ความพยายามในการไกล่เกลี่ยนานกว่า 3 ชม. โดยมีการจัดตัวแทนชาวบ้าน 5 คน โดยเจ้าหน้าที่ขอให้ทางชาวบ้านทำเป็นโครงการเสนอความเห็นผ่านสภา อบต.เกาะลิบง เพื่อขอใช้พื้นที่เสนอต่ออธิบดีกรมป่าไม้พิจารณา ขณะที่ชาวบ้านขอให้ยุติการก่อสร้างไว้ก่อน จนกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมบริหารจัดการพื้นที่ก่อน ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับใช้กฎหมายรื้อถอน และเตรียมดำเนินคดี แต่รื้อถอนได้เพียง 4 ร้าน ชาวบ้านจึงยินยอมขอย้ายไปอยูในจุดที่กำหนด คือ ถอยร่นไปจากจุดเดิมประมาณ 10 เมตร คืนพื้นที่ชายหาด และรื้อเก้าอี้หน้าชายหาดอีก 1 แถว เพื่อคืนพื้นที่ให้นักท่องเที่ยว คงไว้ 3 แถว ท้ายที่สุด จึงตกลงกันได้ในเบื้องต้นขายในจุดที่กำหนด โดยเจ้าหน้าที่มีการทำบันทึกการตรวจสอบ และให้ชาวบ้านเซ็นต์รับทราบ แต่ไม่มีใครเซ็นต์ ขณะที่ชาวบ้านบางรายยืนยันไม่ยอมให้มีการก่อสร้าง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ดำเนินคดีกับชาวบ้านแต่อย่างใด ยังอะลุ่มอล่วยกันต่อไป และเตรียมเข้าลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.กันตังต่อไป

นายศิราวุฒิ หาดเกลี้ยง ชาวบ้านเกาะมุก บอกว่า ชาวบ้านมีประมาณ 12 ร้านค้า ขอว่าให้ได้ค้าขายต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน จะหมดฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆชาวบ้านเข้าใจข้อกฎหมาย แต่กังวลห่วงว่าหากจัดระเบียบแล้วชาวบ้านจะได้ขายของอีกหรือไม่ สรุปคือ มีปัญหาด้านการสื่อสารเจ้าหน้าที่สื่อสารไม่ชัด แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วจึงยอมถอยร่น ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่มาเกาะมุกด์จะมาที่หาดฝรั่งตรงนี้ร้อยละ 90 เพราะมีชายหาดที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่น ทำให้มีรายได้ในระบบทุกธุรกิจต่อวันนับแสนบาท ชาวบ้านก็ได้มีอาชีพค้าขายเลี้ยงครอบครัว

นายวรวิทย์ หยูดำ ผอ.ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) บอกว่า พื้นที่นี้ทางกรมป่าไม้ยึดคืนมาจากนายทุนที่สร้างรีสอร์ทจากการออกเอกสารสิทธิมิชอบ ต่อมากรมป่าไม้ประกาศเป็นพื้นที่ป่านันทนาการ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 ซึ่งมีระเบียบในการบริหารจัดการพื้นที่ แต่ต่อมามีพี่น้องประชาชนเข้ามาจับจองพื้นที่ค้าขาย เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการจัดระเบียบร้านค้า ให้เป็นไปตามระเบียบ วันนี้จึงนำสู่การจัดระเบียบ ซึ่งก็พยายามจะผ่อนปรนให้พี่น้องประชาชนได้ดำเนินการได้ แต่ต้องเข้าสู่ระเบียบของกฎหมาย โดยตอนนี้กรมป่าไม้อนุมัติงบประมาณสร้างสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 4 ล้านบาท ทั้งป้อมยาม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องสุขา อาคารที่ทำการ แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 สิ้นสุดสัญญา 23 กันยายน 2568 ระยะเวลา 120 วัน ซึ่งหลังก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันโดยจะมีตัวแทนหลายฝ่าย รวมทั้งชาวบ้านร่วมกันกำหนดค่าบริการจัดเก็บจากนักท่องเที่ยว รวมทั้งรถ เรือ ก็จะมีการกำหนดร่วมกัน แต่ทั้งหมดจะต้องมีการกำหนดร่วมกันและต้องยึดระเบียบของกรมป่าไม้ด้วย โดยชาวบ้านจะให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในทุกด้าน เพราะหลักของป่านันทนาการจะต้องให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่านันทนาการด้วย

\"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\" \"\"