ชัยภูมิ – ช่วยลดค่า Pm2.5 ช่วยลดมลพิษปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน และยังมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นดีกว่าการเผาอ้อยได้อีกด้วย!
( 4 ก.พ.68 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ จากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นพิษ Pm2.5 ในพื้นที่ประเทศไทย นับเป็นปัญหาชาติถึงระดับโลก ที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข ซึ่งปัญหาที่สำคัญทำให้เกิดฝุ่นพิษPm2.5 ได้รับผลกระทบต่อตัวมนุษย์ คือจากฝีมือมนุษย์เองจากการเผาป่าไม้ตามเทือกเขาต่าง ๆ รวมถึงเกิดไฟไหม้ตามพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมาก ในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงตัดอ้อยส่งโรงงานหีบอ้อยทำน้ำตาลทราย
ที่หลายปีที่ผ่านมาพื้นที่ผ่านมามักมีการเผาไร่อ้อยเพื่อให้ง่าย ใช้เวลารวดเร็วในการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งโรงงานหีบอ้อย แต่ปัญหาตามมาทำให้เกิดฝุ่นพิษ Pm2.5 สูงขึ้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ในปี 2568 นี้ รวมทั้งในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ได้มีการขยายพื้นที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานหีบอ้อยตามพื้นที่ต่างๆให้มากขึ้น พร้อมออกมาตรการจับจริง ติดคุกปรับจริง สำหรับผู้ลักลอบเผาหญ้าแห้ง ตอซังข้าว ไร่อ้อย ซึ่งในปีนี้ ทาง จ.ชัยภูมิ ในทุกพื้นที่มีการเข้มงวดในทั้ง 16 อำเภอ ซึ่งมีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีทำให้เกิดไฟไหม้ป่า และพื้นที่การเกษตรไปแล้วกว่า 50 คดี ผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 14 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขยายผลดำเนินคดีเพิ่มเติม
และขณะเดียวกัน ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ปลูกอ้อยส่งโรงงานหีบอ้อย ในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ค่อนข้างเยอะที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ ทางตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ออ้ยในพื้นที่จึงร่วมใจกันดำเนินโครงการ งดเผาไร่อ้อย แต่ใช้การตัดอ้อยสดส่งงานน้ำตาล นำร่องขึ้นมาเป็นจุดแรกของ จ.ชัยภูมิ ที่บริเวณแปลงใหญ่ไร่อ้อยส่งโรงงาน ในหมู่ 4 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ที่จะใช้วิธีการใช้รถตัดอ้อยสดส่งโรงงานมาต่อเนื่องเกือบ 3 ปีแล้วมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2566
ด้วยการนำรถตัดอ้อยสดเข้ามาช่วยตัดต้นอ้อยในพื้นที่ ที่มีสมาชิกกลุ่มงดเผาอ้อยในปัจจุบันกว่า 40 ราย มีพื้นที่กำลังเร่งตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลในปัจจุบันร่วมกันกว่า 1,143 ไร่
โดยในปีนี้ นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย นายวรศิษย์ พุฒจีบ นายอำเภอภูเขียว และ น.ส.กังสดาล ชาตกุล เกษตรจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมกันลงพื้นที่โครงการต้นแบบดังกล่าว ที่มีการประสานนำการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือใช้รถตัดอ้อยสดส่งโรงงาน และใช้รถเก็บใบอ้อยแห้งอัดเป็นแท่งส่งขายเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ภูเขียว ได้อีกด้วย
ซึ่ง นายพิมล สุภาพเพชร ตัวแทนเกษตรกรกลุ่มงดเผาอ้อยต้นแบบในพื้นที่ ชาวไร่อ้อยบ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่เข้าร่วมในโครงการปลูกอ้อยในแปลงใหญ่อ้อยโรงงาน มาตั้งแต่ปี 2566 มีพื้นที่ปลูกอ้อยส่งงานในปัจจุบันในส่วนของตนเองและญาติพี่น้องรวมประมาณ 50 ไร่ ที่การปลูกอ้อยแต่ละปีจะให้ผลผลิตเฉลี่ย 15 ตัน/ไร่ ซึ่งเมื่อก่อนชาวบ้านจะใช้วิธีเผาไร่อ้อยก่อน ให้เป็นอ้อยไฟไหม้ก่อนตัดส่งงานน้ำตาลทราย เพื่อให้ง่ายและเร็วใช้เวลาไม่นานตัดอ้อยส่งโรงงาน ในการเผาไร่อ้อยต้องถูกหักค่าไฟไหม้อ้อยตันละ 30 บาท อีกด้วย
แต่ที่สำคัญสุขภาพชาวไร่อ้อยต้องได้รับผลกระทบจากควันไฟไหม้ไร่อ้อย ทำให้สุขภาพแย่ จึงได้ตั้งกลุ่มปลูกอ้อยในแปลงใหญ่ ใช้การตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลหีบอ้อย ได้ราคาขายอ้อยสดสูงขึ้นในปัจจุบันราคาตันละกว่า 1,300 บาท และส่วนหนึ่งยังได้รับสนับสนุนค่าตัดอ้อยสดจากรัฐบาลอีกตันละ 120 บาท ใบอ้อยแห้งอัดเป็นแท่งส่งขายยังมีรายได้เสริมเข้าครอบครัวเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ทำให้กลุ่มงดเผาอ้อยที่นี่และตนเองมีรายได้จากขายอ้อยสดได้มากขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้นไม่ต้องสูดดมเอาควันไฟทำให้สุขภาพแย่ลงไปอีกได้อีกด้วย
ขณะที่ นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า หลังได้ออกมาตรการต่างๆ ไม่ให้มีการเผาไร่ ปีนี้ปี 2568 การเผาไร่อ้อยตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอ ในขณะนี้เริ่มมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ความร่วมมือไม่เผาไร่อ้อย พื้นที่ไร่อ้อยถูกไฟลามทุ่ง ลักลอบเผาหรืออื่นๆลดลงแล้วมากกว่า 50 % จากพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งจังหวัดในขณะนี้มากกว่า 5 หมื่นไร่ หากทุกกลุ่มผู้ปลูกอ้อยหันมารวมกลุ่มปลูกอ้อยงดเผาขยายผลตามมาในทุกพื้นที่ให้มากขึ้นที่สามารถติดต่อประสานได้ที่สำนักงานเกษตรในทุกอำเภอได้ ด้วยการใช้วิธีการตัดอ้อยสดส่งโรงงาน จากนี้ไปเชื่อว่า จ.ชัยภูมิ จะลดการเผาไร่อ้อยได้ 100 % อย่างยั่งยืนต่อไปได้
รวมทั้งด้าน น.ส.กังสดาล ชาตกุล เกษตรจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า มาตรการหยุดการเผาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สำคัญคือ ในพื้นที่เกษตรกรรม ปลูกอ้อย ยังพบมีการเผาตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่อย่างให้เกษตรกรทุกพื้นที่ให้ความสำคัญในการงดเผาให้ต่อเนื่องต่อไปในทุกพื้นที่ ซึ่งการเผาจะยังขัดระเบียบการช่วยเหลือค่าตัด ที่จะถูกงดให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ หากมีการตรวจพบจะถูกตัดสิทธิการช่วยเหลือด้วยอีกไม่น้อยกว่า 2 ปี อีกด้วย