ชัยภูมิ – มีขบวนแห่ที่มีขนาดบายศรีมีขนาดใหญ่และมีขบวนแห่ยาวที่สุดในโลกนับ 10 กม. ชาวบ้านที่ร่วมใจกันเดินทางมาร่วมสืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลกในปีนี้ไม่น้อยกว่า 1 แสนคน พร้อมจัดขบวนแห่ทั้งเดินเท้า-รำถวายบายศรีไปตลอดทางใช้เวลานานมากกว่าทุกปีเป็นประวัติการณ์ ใช้เวลานานไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมง หลังทางจังหวัดปรับเวลาเริ่มปล่อยแถวขบวนแห่ลงมาเร็วขึ้นในปีนี้เร็วกว่าทุกปีแล้วก็ตามยังคึกคักไม่แพ้กันกว่าทุกปี ในงานสืบสานประเพณีแห่บายศรีใหญ่ยาวที่สุดหนึ่งเดียวในโลกของชาวชัยภูมิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับโลกมายาวนานเป็นประจำทุกปี!
( 30 เม.ย.68 ) ขณะที่จังหวัดชัยภูมิ นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ คนปัจจุบันคนที่ 71 ของ จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยหน่วยงานทุกภาคส่วนประชาชนทุกหมู่เหล่าในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่มีประชากรในปัจจุบันรวมกว่า 1.2 ล้านคน ได้ร่วมใจกันทำพิธีเปิดงานสืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลกของ จ.ชัยภูมิ ที่จะมีขึ้นในช่วงงานสืบสานประเพณีบุญเดือน 6 ของ จ.ชัยภูมิ ขึ้นเป็นประจำทุกปี
ซึ่งในปี 2568 นี้ ทางจังหวัดชัยภูมิมีการจัดงานสืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลกขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 28 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2568 ในช่วงตลอดงานจัดอย่างยิ่งใหญ่ 9 วัน 9 คืน ที่จะมีมหรสพชมฟรี ทุกคืน
ที่จะมีวันสำคัญในการสืบสานประเพณีสำคัญสืบสานประเพณีหนึ่งเดียวในโลกในปีนี้ ในวันที่ 30 เม.ย.68 (ตรงกับวันพุธที่สามของเดือนหกในทุกปี) ในการสืบสานประเพณีขบวนแห่บายศรีนำถวายแด่รูปเหมือนเจ้าพ่อพญาแล หรือ พระยากภักดีชุมพล(แล) ผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิคนแรกมาได้จนปัจจุบัน ณ ศาลเจ้าพ่อพญาแลหนองปลาเฒ่า ที่จะแสดงถึงความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของชาวชัยภูมิทุกคนในปัจจุบัน และแสดงความศรัมธาต่อองค์เจ้าพ่อพญาแล ของชาวชัยภูมิ ทุกคน ที่ท่านเจ้าพ่อพญาแลได้สละชีวิตตัวเอง หลังที่เดิมเจ้าพ่อพญาแลเป็นชาวลาวท่านได้พาชาวบ้านย้ายถิ่นฐานในภาวะสงคราม เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ บนผืนแผ่นดินไทย และในช่วงนั้นเกิดภาวะโรคระบาดหนักมีผู้คนเจ็บป่วยเสียชีวิตจำนวนมากทั้งชาวลาวและชาวไทยในพื้นที่ ซึ่งองค์เจ้าพ่อพญาแลเองท่านมีความรู้เป็นหมอยาในการรักษาโรคต่างๆมาด้วยเป็นอย่างดี(ที่มาของอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแลทำไมไม่ถือมีดดาบแต่จะถือตำรายา และหนังสือความรู้ต่างๆแทน)
จนได้ช่วยรักษาโรคระบาดให้หมดลงไปในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ แต่อดีตมาได้ ช่วยให้ชาวลาวและชาวไทย ชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ จึงได้ร่วมกันสร้างบ้านแปรงเมืองและสร้างเมืองชัยภูมิ ในจุดนี้และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย มายาวนานจนปัจจุบัน ก่อนที่ท่านเจ้าพ่อพญาแล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองชัยภูมิ คนแรก หรือพระยาภักดีชุมพล(นายแล) ผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ ที่อยู่มาได้จนทุกวันนี้
ซึ่งความหมายพลังศรัทธาของชาวชัยภูมิ ทั้งจังหวัดที่รับทราบกันดีว่า ถ้าไม่มีเจ้าพ่อพญาแล จ.ชัยภูมิ คงไม่มีเกิดขึ้นมาได้จนทุกวันนี้ เพราะเมื่อช่วงที่เจ้าพ่อพญาแลปกครองเมืองชัยภูมิยาวนานต่อเนื่องจนเมื่อปี 2369 ทางเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ เห็นว่าทางเจ้าพ่อพญาแล เป็นชาวลาวทำไม่ยึดเมืองชัยภูมิให้ไปขึ้นต่อประเทศลาว จึงยกทัพมาเพื่อจะยึดเมืองชัยภูมิและจะเข่นฆ่าคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ทั้งหมด แต่องค์เจ้าพ่อพญาแลได้ยอมเสียสละชีวิตตัวเอง บอกต่อเจ้าอนุวงศ์ฯว่าถ้าหากจะฆ่าชาวชัยภูมิและชาวลาวที่ย้ายถิ่นมามาด้วย ที่มีเชื้อสายไทยและลาวได้อยู่ร่วมกันที่นี่บนแผ่นดินไทยขึ้นต่อสถาบันพระมากษัตริย์ไทยทั้งหมดแล้ว
“ถ้าหากว่าเห็นว่าท่านเจ้าพ่อพญาแลเป็นกบฏ ก็ขอให้ฆ่าเพียงท่านเจ้าพ่อพญาแลคนเดียว อย่าเข่นฆ่าประชาชนทั้งหมดที่ไม่ได้รู้เรื่องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสงครามที่เกิดขึ้นเลย เจ้าอนุวงศ์จึงตรัสรับปากเมื่อกษัตริย์ตัดแล้วไม่คืนคำ และได้ประหารชีวิต เจ้าพ่อพญาแล เพียงคนเดียว ที่ที่ตั้งศาลเจ้าพ่อพญาแลหนองปลาเฒ่าในปัจจุบัน ทำให้ชาวบ้านสายสัมพันธ์พี่น้องไทยลาวของชาว จ.ชัยภูมิ ได้รอดชีวิตมาได้ทั้งหมดและจนทุกวันนี้อยู่เป็นชาว จ.ชัยภูมิ มาได้จนปัจจุบัน”
ก่อนที่ทางเจ้าอนุวงศ์ฯที่รับปากตรัสไว้แล้วก็ประหารชีวิตเจ้าพ่อพญาแลเพียงคนเดียว และไม่เข่นฆ่าประชาชนทั้งหมดที่เหลือรอดชีวิตมาได้ ก่อนยกทัพกลับเมืองลาว ที่เป็นที่มาของพลังศรัทธาของชาวชัยภูมิ ทุกหมู่เหล่าที่มีต่อเจ้าพ่อพญาแล อยู่มาได้จนทุกวันนี้
ซึ่งจะมีการจัดแห่ถวายบายศรีถวายต่อองค์เจ้าพ่อพญาเพื่อแสดงถึงความรักศรัทธาต่อองค์เจ้าพ่อพญาแล ในช่วงงานสืบสานประเพณีบุญเดือนหก ของทุกปีที่ผ่านมาหลังเจ้าพ่อพญาแลเสียชีวิตลงมาต่อเนื่องในปัจจุบันเกือบจะครบรอบ 199 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการสืบสานการทำบายศรีที่แต่ละอันจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีขนาดสูงกว่า 1.5 – 2 เมตร ขึ้นไป และมีขบวนแห่บายศรีที่ขนาดใหญ่และมีขบวนแห่ยาวที่สุดในโลก ที่ในทุกปีประเพณีแห่บายศรีหนึ่งเดียวในโลกของชาว จ.ชัยภูมิ จะถือเป็นวันสำคัญหรือวันหยุดโลกของชาวชัยภูมิ ทุกคนทุกหมู่เหล่า ที่จะต้องออกมาร่วมพิธีดังกล่าวมาต่อเนื่องในทุกปี ที่ได้กลายเป็นการได้รับความนิยมความสนใจว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประเพณีวัฒนธรรมยอดฮิตจากนักท่องเที่ยวในทั่วประเทศและนานาชาติและระดับมีหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งจะมีขึ้นใน 1 ปี จะมีให้ชมเพียงครั้งเดียวในงานประเพณีบุญเดือนหกของทุกปีที่ศาลเจ้าพ่อพญาแลเท่านั้น
ซึ่งจะมีบรรยากาศที่สุดน่าประทับใจของชาวชัยภูมิ ที่สมัยองค์เจ้าพ่อพญาแลปกครองเมืองชัยภูมิ และก็มีการตั้งหมู่ค่ายฝึกช้างไว้ส่งให้กองทัพไทยออกสู้รบมาแต่โบราณได้อีกด้วย ก็จะมีการนำช้างที่มีจากหมู่บ้านช้างบ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ ออกมาร่วมเชิญรูปเหมือนของเล็กองค์เจ้าพ่อขึ้นหลังช้างแห่ไปรอบเมืองในงานแห่บายศรีในทุกปี รวมทั้งในตลอดเส้นทางประชาชนที่ไม่ได้ออกมาร่วมแห่ขบวนก็ยังมีน้ำใจช่วยทำบุญช่วยถวายเป็นทานให้แด่เจ้าพ่อพญาแล สร้างความรักสานความสามัคคีของชาวชัยภูมิ เกิดความรัก เกิดการให้ซึ่งกันและกัน ด้วยการนำโรงทาน นำโต๊ะมาตั้งบริจาคน้ำดื่ม อาหารต่างๆให้คนที่มาร่วมงานขบวนบายศรีนับแสนคนไม่ให้อดเวลาหิ้ว ได้หยิบนำไปรับประทานได้ฟรีไปตลอดเส้นทางขบวนแห่บายศรียาวที่สุดในโลกในทุกปีอีกด้วย
ที่จะมีผู้มาร่วมพิธีจำนวนมากรอชมงานสืบสานประเพณีแห่บายศรีใหญ่ยาวที่สุดในโลกที่ จ.ชัยภูมิ มีประชาชนนับไม่น้อยกว่าแสนคนเป็นจำนวนมากในทุกปี ที่มีความยาวของขบวนแห่ยาวมากกว่า 5-10 กิโลเมตร (กม.)ขึ้นไปในทุกปีที่ตั้งแต่หัวขบวนแห่ยันท้ายขบวนที่จะเริ่มแห่บายศรีตั้งแต่ช่วงบ่ายออกจากจุดหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชัยภูมิ ยาวไปถึงศาลเจ้าพ่อพญาแลหนองปลาเฒ่า ไปรอบเมืองชัยภูมิ ที่เดิมในทุกปีจะเริ่มปล่อยแถวขบวนแห่ตั้งแต่เวลา 13.00 น.แต่จนกว่าจะเสร็จสิ้นขบวนบายศรีขบวนสุดท้ายจะเข้าถึงเพื่อนำการแห่บายศรีไปถวายต่อศาลเจ้าพ่อพญาแลได้ใช้เวลานานไปยันถึง 24.00 น.ของทุกปี
และปี 2568 นี้ วันแห่บายศรี ทางด้าน นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นมาเป็นเวลาปล่อยขบวนแห่บายศรีเป็นเวลา 11.00 น.ตรงกับวันที่ 30 เม.ย.68 ซึ่งมีขบวนแห่บายศรีใหญ่ยาวที่สุดในโลกปีนี้รวมมากกว่า 66 ขบวนแห่บายศรีที่ใหญ่และยาวที่สุดในโลก ที่มาจากตัวแทนประชาชนทั้ง 16 อำเภอ และในเขต 29 ชุมชนเมือง ของเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ที่มีความยาวที่สุดในโลกไม่น้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะให้เวลาแห่บายศรีถวายเจ้าพ่อพญาแล ณ ศาลเจ้าพ่อพญาแลหนองปลาเฒ่า ในปีนี้ไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมง จากตั้งแต่เวลา 11.00 -21.00 น.ของปีนี้ ยังคึกคักกว่าทุกปีที่ผ่านมาไม่แพ้กัน