เกิดมาไม่เคยเจอหนีตายพายุหมุนฤดูร้อนขนาดใหญ่ซัดถล่มตัวบ้านพังทั้งหลัง!

ชัยภูมิ – ชาวบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน เผยนาทีหนีตายบางรายเกิดมาจนอายุกว่า 60 ปี แล้ว ยังไม่เคยเจอพายุฤดูร้อนพัดถล่มรุนแรงหนักแบบนี้มาก่อนเลย ผู้ว่า-นอภ.-อบต.เร่งระดมเจ้าน้าที่ช่วยเยียวยาต่อเนื่อง

\"\"

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 14 มี.ค.68 ขณะที่ จ.ชัยภูมิ นายอนันต์  นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เร่งประสานนายอำเภอทุกพื้นที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายช่วยเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หลังเกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มหนักสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนเป็นจำนวนมากหลายร้อยหลังคาเรือนของเมื่อช่วงเย็นใกล้ค่ำ วันที่ 13 มี.ค.68 วานนี้ที่ผ่านมา

ซึ่งได้รับความเสียหายหนักสุดในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับรับความเสียหายจำนวนมากนับร้อยหลังคาเรือน ได้รับความเสียหายหนักสุดมีบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายเกือบทั้งหลังมากกว่า 30 หลังคาเรือน ในพื้นที่หมู่บ้านหนองเมย  ม.7 ต.หนองตูม อ.ภูเขียว

ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้(14 มี.ค.68) ทางด้านนายอำเภอภูเขียว พร้อมด้วย นายวิษณุ  ชัยมีเขียว อายุ 52 ปี นายก อบต.หนองตูมนายก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในหมู่บ้านหนองเมย หมู่ 7 เพื่อเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่มีบ้านพังเสียหายหนักกว่า 30 หลังคาเรือน ซึ่งบางบ้านไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องไปขออาศัยบ้านญาติใกล้เคียงไปก่อนและบางรายต้องกางเต็นท์นอนเป็นที่พักชั่วคราวที่หน้าบ้านตัวเองที่ถูกพายุพัดพังเสียหายไปก่อนในช่วงนี้ ระหว่างรอการระดมกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยซ่อมแซมบ้านที่พังเสียหายให้กลับมาพอใช้อาศัยชั่วคราวไปก่อนในขณะนี้อย่างต่อเนื่อง และเสนอของบประมาณมาช่วยเหลือตามระเบียบราชการต่อไป

\"\" \"\" \"\" \"\"

\"\" \"\" \"\" \"\"

ขณะที่ด้าน นายลำใย  เนาโนนทอง อายุ 61 ปี ชาวบ้านหนองเมย เล่าให้ฟังว่า ลมพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นถือว่าหนักมากที่ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 60 ปีแล้ว ก็ไม่เคยเจอพายุหมุนขนาดใหญ่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย ซึ่งขณะเกิดเหตุพายุถล่มเกิดช่วงเวลามาเวลา 15.00 น.วานนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กนักเรียนเลิกโรงเรียน ที่มีลมพายุหมุนขนาดใหญ่พัดเข้ามาในหมู่บ้าน และพัดหอบเอาหลังคาบ้านยกลอยไปกับพายุหมุนเกือบทั้งหลังไปตกไกลกว่า 500 เมตร ที่โชคยังดีตอนเด็กๆเลิกเรียนกลับมาในหมู่บ้านไม่มีใครเป็นอันตรายในช่วงเกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มหนักในครั้งนี้ไปด้วย

ขณะที่ บ้านอีกหลังที่ได้รับความเสียหาย ของสองสามีภรรยา นายพิมาย  โชคคุณ อายุ 47 ปี และ นางมณีรัตน์  โชคคุณ เล่านาทีชีวิตที่ต้องพากันหนีตาย ในช่วงเกิดพายุหมุนขนาดใหญ่พัดถล่มเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวมีความแข็งแรงมั่นคงเป็นอย่างดีซึ่งสร้างเสร็จได้อยู่อาศัยมาไม่นานกว่า 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะมาเจอพายุพัดถล่มรุนแรงจนพังเสียหายได้ขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย ช่วงที่พายุหมุนขนาดใหญ่พัดผ่านมาชนเข้ากับตัวบ้านที่มีผนังเป็นปูนก็เกิดเสียงกำแพงปูนบ้านดังขึ้นมีเสียงปริแตกดังออกมาเหมือนบ้านจะพังถล่มลงมาทั้งหลัง ก่อนที่จะหอบเอาโครงหลังคาหายลอยไปตามสายลมพายุหมุนไปทั้งหลัง สองสามีภรรยาจึงวิ่งพากันวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำของบ้าน ซึ่งโชคยังดีที่พายุหมุนวิ่งผ่านไปในเวลาไม่นาน ซึ่งกำแพงห้องน้ำเกิดรอยร้าวเกือบแตกพังถล่มทับตนเองกับสามีพากันรอดชีวิตมาได้หวุดหวิดในครั้งนี้ พอลมพายุหมุนสงบลงก็รีบพากันวิ่งออกมาดูพบหลังคาบ้านหายไปทั้งหมด ตัวบ้านเกิดรอยร้าวไปทั้งหลัง ซึ่งครั้งนี้สร้างความเสียหายของตัวบ้านแทบทั้งหลัง

ขณะที่ นางสุจิตรา  จรัสเขต อายุ 40 ปี ชาวบ้านบ้าน 106 หมู่ 7 บ้านหนองเมย หมู่ 7 อีกราย เล่านาทีหนีตายอีกรายว่า ต้องวิ่งออกมาจากบ้านหลบมาอยู่ใต้ท้องรถการเกษตร อยู่ข้างบ้านเพราะลมพายุหมุนที่พัดผ่านมาแรงมาก จนมองไม่เห็นอะไรเลย ที่สามารถหนีตายออกจากบ้านรอดชีวิตมาได้หวุดวิดอีกรายในครั้งนี้

ซึ่งในเช้าวันนี้ ด้าน น.ส.กุหลาบ  ขรัสกาย ส.อบต.หนองตูม กล่าวว่า ทางนายอำเภอภูเขียว นายก อบต.ได้เร่งจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้านเก็บกวาดทำความสะอาด เก็บสิ่งของสำรวจความเสียหายในทั่วหมู่บ้านเพื่อหาแนวทางมาช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบราชการที่ทำได้ต่อไป