\’3 ฟันเฟืองทรงพลัง\’ เบื้องหลังไฟฟ้าไทย…ไร้สะดุด

\’ระบบไฟฟ้าที่มั่นคงและเชื่อถือได้\’ คือ ปัจจัยลำดับต้นๆของการพัฒนาประเทศ แต่การบริหารจัดการให้มีความมั่นคงได้นั้นต้องอาศัย 3 ฟันเฟืองหลักสำคัญ ได้แก่ โรงไฟฟ้า เชื้อเพลิง และระบบส่งไฟฟ้า โดยมี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำหน้าที่ดูแล รักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า เพื่อให้คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในอนาคต\"\"

\’โรงไฟฟ้า\’ ขุมพลังที่ไม่มีวันหลับ พร้อมเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง 

เมื่อ “ไฟฟ้าไม่มีวันหลับ” โรงไฟฟ้าจึงไม่อาจหยุดพักได้ ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ ปัจจุบัน กฟผ. ดูแลโรงไฟฟ้าและเขื่อน ของ กฟผ. ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวม 40 แห่ง ด้วยกำลังการผลิตรวมกว่า 16,000 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นหลักให้กับระบบไฟฟ้า และมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy : RE) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ เป็นโรงไฟฟ้าเสริม ผลิตไฟฟ้าในบางช่วงเวลา เพราะข้อจำกัดที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอดเวลา

โรงไฟฟ้าทุกแห่งของ กฟผ. ได้รับการดูแลและบำรุงรักษาอย่างเข้มข้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะนำไปสู่คุณภาพและความมั่นคง โดยมุ่งเน้นการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ครอบคลุมทุกรายละเอียดทั้งระบบไฟฟ้า เครื่องกล อะไหล่ โยธา และเคมี เพื่อสร้างความมั่นใจได้ว่าทุกวินาทีที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอยู่นั้นจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

\’เชื้อเพลิง\’ ตัวช่วยความมั่นคง ราคา และรักษาสิ่งแวดล้อม

การเลือกใช้เชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญ โดยต้องมองในทุกมิติ ทั้งเศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางพลังงาน และเทคโนโลยี ปัจจุบันประเทศไทยได้ใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย เช่น ‘ก๊าซธรรมชาติ’ เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า เพื่อความมั่นคงและรองรับความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนที่ไม่สามารถพึ่งพาได้ 100%  ซึ่งก๊าซธรรมาติที่ใช้อยู่นั้น มาจากแหล่งก๊าซในอ่าวไทย แหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) และแหล่งก๊าซเมียนมา โดย กฟผ. ได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯระยะยาว ร่วมกับ ปตท. เพื่อให้มีเชื้อเพลิงเพียงพอในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง

กฟผ. ยังได้รับใบอนุญาตนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศผ่านทางเรือ เป็นรายที่ 2 ของประเทศ ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง ‘ถ่านหิน’ เชื้อเพลิงต้นทุนต่ำ สามารถจัดหาได้ในประเทศ ช่วยพยุงราคาค่าไฟให้ประชาชนในช่วงวิกฤตพลังงาน โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะของ กฟผ. ดำเนินการภายใต้มาตรการตรวจสอบและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ กฟผ. ยังแสวงหาเชื้อเพลิงสะอาดรูปแบบใหม่ๆ โดยพัฒนา ‘ไฮโดรเจนสีเขียว’ จากพลังงานลมผ่านกระบวนการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (Electrolysis) และ ‘ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน’ ที่ผลิตได้จากถ่านหินที่นำมาแปรสภาพเป็นก๊าซ  (Coal Gasification) โดยในอนาคตมีแผนนำไฮโดรเจนไปผสมกับก๊าซธรรมชาติอีกด้วย รวมไปถึงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด SMR ที่ใช้ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้หากสามารถประยุกต์ใช้ได้เร็ว ก็จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

\’ระบบส่ง\’ เส้นเลือดใหญ่พลังงาน ช่วยส่งจ่ายไฟฟ้าไปทั่วไทย \"\"พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ ต้องเดินทางไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างทั่วถึง ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้าทุกเมกะวัตต์ ได้ส่งจ่ายผ่านโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ที่มีความยาวกว่า 40,000 วงจร-กิโลเมตร เชื่อมโยงกับสถานีไฟฟ้าแรงสูง 239 สถานีทั่วประเทศ เพื่อปรับลด/เพิ่มระดับแรงดันไฟฟ้าส่งต่อให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งต่อไปยังบ้านเรือนประชาชน ธุรกิจ อุตสาหกรรม ฯลฯ ทั่วประเทศ

กฟผ. ยังมีแผนพัฒนางานก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้า รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมดูแลโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและทั่วถึงทุกพื้นที่ ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความพร้อมในช่วงเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียน

อาทิ การจัดตั้งศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center : REFC) และศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center : DRCC) ทำหน้าที่พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รวมถึงบริหารจัดการควบคุมปริมาณการใช้ไฟฟ้า เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับให้ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center : NCC) ใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

พลังแห่งความสมดุล
ทั้ง 3 ฟันเฟือง คือ พลังที่ขับเคลื่อนให้ระบบไฟฟ้าของไทยมีความมั่นคงตลอดมา เป็นภารกิจท้าทายที่ กฟผ. มุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อคนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ สามารถเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดได้อย่างราบรื่น และเพื่อให้ประเทศไทยสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ได้สำเร็จไปพร้อมกับความมั่นคงและยั่งยืนทางพลังงาน