เปิด 7 ชั่วโคตร กรมโยธาฯไม่ฟ้องศาลส่อขาดอายุความ

เปิด 7 ชั่วโคตร กรมโยธาฯไม่ฟ้องศาลส่อขาดอายุความเรียกเงินคืนขณะที่ชาวบ้านไล่บี้พวกขี้โกงอย่าให้มีแผ่นดินอยู่

ชาวบ้านชุมชนซอยน้ำทิพย์เปิดหน้าชนไล่บี้พวกขี้โกง “7 ชั่วโคตร” หลังมีบุคคลอ้างเป็นเครือข่ายธรรมาภิบาลฯ ยื่นเรื่องตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลในคณะ กมธ.ปปช.ฯ หวังด้อยค่าการตรวจสอบทุจริตกว่า 200 เรื่องของ ประธาน กมธ.ฯ จับตาให้ระวังความล่าช้าของ กรมโยธาฯ ในการเอาผิดเรียกค่าเสียหายเชื่อประวิงเวลาอาจจะส่งผลให้ขาดอายุความและทำให้รัฐหมดสิทธิ์เรียกเงินคืนกลับสู่แผ่นดิน เตือนใครร่วมโกงไม่พ้นเงื้อมมือกฏหมายแม้เกษียญไปเลี้ยงหลานที่บ้านกฏหมายก็จะลากคอให้มาติดคุกในภายหลังให้สาสมกับฐานานุโทษที่ทำไว้กับคนกาฬสินธุ์

\"\" \"\"

ทีมข่าวเฉพาะกิจส่วนกลาง ยังเกาะติดปัญหาการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ และก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ผู้รับจ้าง เป็นคู่สัญญากับ หจก.เฮงนำกิจและ หจก.ประชาพัฒน์ รวม 8 โครงการ รวมเป็นเงิน 545 ล้านบาท เบิกเงินทั้งแอดวานซ์ 15% เบิกเงินงวดไปในแต่ละโครงการรวมกว่า 250 ล้านบาท และทุกโครงการไม่สามารถก่อสร้างเสร็จแม้แต่โครงการเดียว ที่ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของ กมธ.ปปช.ฯตรวจสอบแบบข้ามปีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ที่ชุมชนซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จุดโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบ 59,350,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ ถูกยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 ชาวบ้านผู้นำชุมชนพากันจับกลุ่มวิพากวิจารณ์การตรวจสอบของ กมธ.ปปช.ฯ ที่กำลังเร่งรัดให้ กรมโยธาฯในฐานะผู้ว่าจ้างเร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้รับจ้าง แต่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นกลุ่มธรรมาภิบาลฯ ไปร้อง ประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการตรวจสอบ คณะที่ปรึกษาฯ ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล แสวงหาผลประโยชน์ อ้างเป็นสื่อมวลชน

นางรัตนา มาตประสงค์ ประธานชุมชนซอนน้ำทิพย์ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา 7 ชั่วโคตร ทุกโครงการ ประชาชนยังเฝ้าติดตามเพื่อรอบทสรุปที่เชื่อมั่นว่าคำร้องเรียนของประชาชนถึง กมธ.ปปช.ฯ ที่ได้เข้ามาติดตามตรวจสอบในพื้นที่ไปแล้วนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการนี้ได้ เพราะชัดเจนว่า การก่อสร้างมีการเบิกจ่ายเงิน มีการทิ้งงาน ทำให้ประชาชนขาดโอกาสและทำให้รัฐบาลเสียหายจากเงินภาษี ทุกวันนี้จึงได้เฝ้ารอติดตามข่าว เพราะในจุดก่อสร้างบริเวณนี้ร่องรอยความเจ็บช้ำใจก็คือเศษหิน กองขยะและเสาเข็มจำนวนมาก การที่มีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นกลุ่มธรรมาภิบาลฯออกมาร้องเรียน กมธ.ปปช.ฯ มองว่าเป็นการด้อยค่าการทำงานฯของ กมธ.ปปช.ฯ ที่กำลังติดตามตรวจสอบในหลายโครงการที่เชื่อว่าจะต้องไปกระทบกลุ่มผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่
“แต่ในทางกลับกัน พวกธรรมาภิบาลฯ น่าจะมาร่วมตรวจสอบโครงการ 7 ชั่วโคตรมากกว่า เพราะที่ผ่านมาประเด็นการร้องเรียนก็เกิดขึ้นจากเครือข่ายธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่าย ปปท.จ.กาฬสินธุ์ และทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ทำงานจริง เบิกจ่ายจริง ทิ้งงานจริง ควรที่จะมาช่วยเหลือตรวจสอบร่วมกับประชาชนมากกว่า ดังนั้นก็ขอเป็นกำลังใจให้กับ กมธ.ปปช.ฯ เดินหน้าติดตามหาความจริง นำเงินภาษีราษฎรกับคืนมาให้แผ่นดิน อย่าให้พวกขี้โกงมีแผ่นดินอยู่ เพื่อเป็นโมเดลกาฬสินธุ์ปราบโกง และเป็นบรรทัดฐานในการป้องกันปัญหาการทุจริตต่อไปในอนาคต” นางรัตนา กล่าวในที่สุด

\"\" \"\"

แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า การติดตามตรวจสอบโดย กมธ.ปปช.ฯ มีการลงพื้นที่มีการเรียกประชุมชี้แจงจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทยไปแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็น ปธ.กมธ.ปปช.ฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 18 ธันวาคม 2568 และครั้งที่ 3 วันที่ 16 มกราคม 2568 (ดร.ฉลาด ขามช่วง เป็น ปธ.กมธ.ปปช.ฯ) การประชุมทุกครั้ง กมธ.ปปช.ฯได้รับคำตอบปากเปล่า และกรมโยธาฯ ไม่ได้พูดถึงความบกพร่องของบุคคลที่รับผิดชอบสัญญา นั้นคือผู้บริหารสัญญาและช่างผู้ควบคุมงาน ทั้งในส่วนราชการและบริษัทเอกชนที่เข้ามาควบคุมงานยังไม่ถูกตั้งกรรมการสอบ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือการเอาผิดเรียกเงินคืนจากค่าความเสียหายทั้งหมด ถึงแม้ว่า สตง. จะเข้ามาตรวจสอบและเป็นกระบวนการหนึ่งในการติดตามพิทักษ์เงินของแผ่นดิน แต่ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็คือ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ถือเป็นผู้ว่าจ้าง ทำสัญญาจ้างกับ 2 หจก.ขาใหญ่ทุกโครงการ จะต้องรีบฟ้องร้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดี เรียกค่าเสียหาย กรณีทิ้งงาน เพราะหากล่าช้าไปจะทำให้คดีนี้ขาดอายุความและไม่สามารถเรียกเงินกลับคืนแผ่นดินได้

”คดีนี้มองว่าเป็นคดีจ้างทำ มีการรับผิดทางแพ่ง แต่ประเด็นสำคัญ สัญญาจ้างเกิดขึ้นระหว่างรัฐกับเอกชนมีบุคคลเกี่ยวข้องก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นคู่สัญญา ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารสัญญาเมื่อรู้ว่าก่อสร้างไม่เสร็จ ผู้บริหารสัญญา-ผู้ควบคุมงาน ก็ต้องติดตามดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ควรจะต้องทำเพื่อปกป้องเงินภาษีในการเรียกค่าเสียหายเอาเงินมาคืนแผ่นดิน เพราะเงินทั้งหมดนี่คือเงินภาษีของราษฎรทั้งนั้น การที่ กรมโยธาฯ ไม่ดำเนินการใดๆในการเอาผิด หากอนาคตปล่อยให้คดีส่วนแพ่งขาดอายุความเจ้าหน้าที่ของรัฐคนนั้นอาจจะต้องถูกดำเนินคดีในภายหลังในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปะละเลย ยังจะส่งผลให้ กรมโยธาฯ ที่เกี่ยวพันในเรื่องนี้ ถูกดำเนินคดีอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเกษียญออกไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน เชื่อว่ากฏหมายก็จะลากคอให้มาติดคุกในภายหลังให้สาสมกับฐานานุโทษที่จะได้รับในตราบาปที่สร้างผลกระทบให้กับคนกาฬสินธุ์“ แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด

\"\" \"\"