การเมืองกาฬสินธุ์ยุคใหม่ ไม่มีบ้านใหญ่ บ้านใหม่ นักการเมืองยุคใหม่ทุกคนทำทุกวันนี้เพื่อคนกาฬสินธุ์ \”หัวใจคือประชาชน\”

การเมืองในจังหวัดกาฬสินธุ์นับตั้งแต่การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนคนไทยในยุคที่อำนาจอธิปไตยถูกยึดครองโดยอำนาจ

รัฐธาธิปัตย์จากคณะรัฐประหาร นักการเมืองของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ปลูกฝังด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยต่างเข้าสู่การเมืองด้วยการเสนอตัวเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนในนามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่สังกัดพรรคการเมืองและอิสระด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นจะเข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง โดยไม่ได้มุ่งหวังในผลประโยชน์ต่อตำแหน่งหน้าที่ในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนในพื้นที่หรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แต่อย่างใด นักการเมืองที่เสนอตัวเข้ามารับใช้ประชาชนในนามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงเป็นผู้ที่ต่อต้านเผด็จการขุนศึกศักดินาซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของครู ทนายความเป็นส่วนใหญ่เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับชาวบ้านอย่างสนิทชิดเชื้อเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวบ้านที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนความไม่เป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำ ส.ส.ที่มีอุดมการณ์ยึดมั่นในการเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยจากการเลือกตั้งของประชาชน

จังหวัดกาฬสินธุ์ไม่ว่าจะเป็นครูขุนทอง ภูผิวเดือน ทนายประยูร โง่นคำ ใหม่ ศิรินวกุล ครูสังข์ทอง ศรีธเรศ ครูชิงชัย มงคลธรรม ที่ผ่านการเลือกตั้งมาจากประชาชนอย่างสง่างาม ได้ทำหน้าที่สร้างชื่อเสียงและมีผลงานสร้างศรัทธาระดับประเทศในนามของตัวแทนของประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ไม่ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งว่าการกระทรวงศึกษาธิการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือรองประธานสภาฯสร้างผลงานให้จังหวัดกาฬสินธุ์มีความเจริญพัฒนาโดยโดดเด่นในเรื่องการศึกษา จนมาถึงยุคการเมืองที่กำหนดให้สังกัดพรรคการเมือง นักการเมืองของกาฬสินธุ์มีความเป็นเอกภาพร่วมมือกันสร้างพัฒนาระบบการเมืองที่เน้นพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นระบบเลือกตั้งแบบเขตใหญ่แบ่งเขต หรือระบบการเลือกตั้งในเขตเล็กและบัญชีรายชื่อ การเมืองของจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเอกภาพไม่มีระบบบ้านใหญ่ นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศหรือระดับท้องถิ่นจะยึดถือกฎกติกามารยาททั้งของพรรคและพวกบนพื้นฐานความนิยมชมชอบและศรัทธาของประชาชน การเมืองระดับชาติพรรคการเมืองที่ประชาชนนิยมชมชอบเปลี่ยนไปตามยุคสมัยนับตั้งแต่พรรคกิจสังคม ความหวังใหม่ ไทยรักไทย และเพื่อไทย จึงทำให้ผลการเลือกตั้งที่ผ่านๆมาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดกาฬสินธุ์จึงได้ยกทีมมาตลอด โดยมีพรรคเป็นหลักไม่มีคำว่าบ้านใหญ่ แม้แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.จ.กาฬสินธุ์ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่ประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์มีความศรัทธาและมีฐานเสียงที่แน่นหนาเป็นเอกภาพแต่ในสถานการณ์ที่กระแสของคนรุ่นใหม่มาแรงและคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการปรับวิธีการหาเสียงด้วยการนำเอาคนรุ่นใหม่ที่มีประวัติและผลงานที่ประชาชนชื่นชอบจึงได้ปรับให้คนรุ่นใหม่เข้าเป็นผู้แทนของพรรคในการเสนอตัวรับใช้ประชาชนด้วยความเข้าใจและร่วมมือของอดีตส.สของพรรคหรือเครือข่ายฐานเสียงของพรรค ซึ่งผลการเลือกตั้งสสจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ผ่านมาเป็นไปตามการปรับตัวแทนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเขต 1 และเขต 2 นายวิรัช พิมพะนิตย์ และนายพลากร พิมพะนิตย์ ที่ได้รับการเลือกตั้งมาด้วยคะแนนสูงสุดทั้งส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อของพรรค ในขณะเดียวกันผลงานของส.ส.จ.กาฬสินธุ์หน้าใหม่ทั้งสามคนวิรัช พิมพะนิตย์ พลากร พิมพะนิตย์ ทินพล ศรีธเรศ
ต่างก็มีบทบาทที่โดดเด่นในสภา ในกรรมาธิการ และการปฏิบัติภารกิจอื่นของพรรคอย่างดีเป็นที่พอใจของกรรมการบริหารพรรค จึงได้รับความไว้วางใจในการมอบหมายงานจากพรรคในทางการเมือง ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ส.อบจ. กาฬสินธุ์ จึงเป็น

ภารกิจสำคัญที่ส.ส.เพื่อไทย ในแต่ละจังหวัดจะต้องรับภารกิจทางการเมืองที่พรรคมอบหมายมาอย่างเต็มที่ แม้นว่าจะไม่มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ เพราะพรรคเพื่อไทยส่งเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล เป็นนายกอบจ.กาฬสินธุ์ ได้รับการเลือกตั้งใหม่ด้วยคะแนนท่วมท้น และการเลือกตั้ง ส.อบจ.กาฬสินธุ์เมื่อ 1 ก.พ.68 ผู้สมัครในนามเพื่อไทยและเครือข่ายได้รับการเลือกตั้งเข้ามาตามเป้า ส่วนที่เขต 1 อ.เมืองกาฬสินธุ์ ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นเครือข่ายเดียวกันของเพื่อไทย ที่ลงสมัครแข่งขันกันเองด้วยคะแนน 8,000 กับ 7,000 เศษ และทุกฝ่ายต่างยอมรับในผลการเลือกตั้ง ส่วนการแสดงความคิดเห็นต่างของคนบางกลุ่ม ในเรื่องของบ้านใหญ่บ้านใหม่ ยอมหวังผลทางการเมืองตามวิสัยบ่างชั่งยุ ตายเพราะปาก (เสีย)พังเพราะใจ(แคบ)