ร้อยเอ็ด…สิ้นตำนานนักเตะแชมป์ภูพานฯ \”เด\” ชวลิต ยมรัตน์
วันนี้(24 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 08.30 น. ผู้สื่อได้รับแจ้งจาก นายยุทธ ยมรัตน์ อดีตนักฟุตบอลทีมกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และสโมสรโอสถสภาฯ น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของนายชวลิต ยมรัตน์ อดีตนักเตะทีมสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทยฯ ว่าพี่ชาย นายชวลิต ยมรัตน์ ชื่อเล่นเด เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งสาเหตุเกิดจากโรคประจำตัว หลังจากที่รักษาตัวมาระยะหนึ่ง
นายชวลิต ยมรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2520 อายุ 47 ปี เป็นบุตรของนายวีรวัฒน์ นางทองบรรณ ยมรัตน์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม 4 คน (นายชวลิต เป็นบุตรคนที่2 ในบรรดาพี่น้อง4คน)
การศึกษา นายชวลิต ยมรัตน์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด – ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น(ม.3)ที่โรงเรียนขัติยะวงษา -ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.6)ที่โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย – ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)ที่โรงเรียนพณิชยการกรุงเทพ -ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม –
ปัจจุบัน ทำงานที่ ที่ทำการไปรษณีย์ โสกเชือก อ.ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด (ขอเออรี่)
ช่วงที่เป็นนักเรียนและนักศึกษาได้ร่วมกิจกรรมกับทางสถาบันมาโดยตลอดโดยเป็นนักกีฬาฟุตบอลตัวแทนของโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน สถานัน และจังหวัดร้อยเอ็ด(บ้านเกิด)เรื่อยมา เคยเล่นฟุตบอลให้กับทีมสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย(สมัยเรียนที่กรุงเทพฯ)
ผลงานที่ทำให้แฟนชาวจังหวัดร้อยเอ็ดลืมเขาคนนี้ไม่ลง(เด ชวลิต ยมรัตน์) นำทีมจังหวัดร้อยเอ็ดคว้าแชมป์ \”ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน \”ภูพานราชนิเวศน์\” ในปี 2537
ด้วยเป็นคนที่รักเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการฟุตบอลและเพื่อนร่วมงาน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อนุเคราะห์ผู้คนไม่ได้ขาด จึงทำให้ ชวลิต ยมรัตน์ เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน พี่น้อง พ้องเพื่อนในวงการฟุตบอลในจังหวัดร้อยเอ็ดมีรายการฟุตบอลการกุศลต่างๆ ชวลิต ก็อาสาที่จะช่วยเหลือร่วมกิจกรรมกับน้องๆเรื่อยมามิได้ขาด นายชวลิต ยมรัตน์ แต่งงานมีลูกชาย 1 คน ชื่อ(น้องเบียร์) ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม
นายยุทธ ยมรัตน์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 พี่ชาย ชวลิต ยมรัตน์ ได้ไปพบแพทย์รอบที่2 หลังจากก่อนหน้านี้ไปไปมาแล้วแพทย์บอกว่าเป็นตับอักเสบ ให้ยากลับมาทานที่บ้าน พี่ชายก็ใช้ชีวิตปกติไปทำงาน เลิกงาน ปกติทุกอย่าง หลังจากที่พี่ชายไปพบแพทย์รอบที่ 2 แพทย์บอกว่ามีก้อนเนื้อร้ายอยู่ในถุงน้ำดี(มะเร็ง)รอบนี้พี่ชายกลับมาบ้านก็ยังปกติอยู่ แต่ที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจนเลยคือพี่ชายบ่นว่าเหนื่อยบ่อยขึ้น
ฟุตบอลที่เคยชอบเล่นรักนักหนา น้องชายชวนไปเตะก็ไม่ไปบอกว่าจะทำงานที่ค้างไว้ เหนื่อย เป็นอย่างนี้เรื่อยมา และหลังๆมาพี่ชายเบื่ออาหารไม่ทานข้าว แม่พยายามป้อนข้าว เอาข้าวให้กินพี่ชายก็บอกว่าไม่อร่อยไม่ยากกิน จนทำให้ร่างกายผอมลงอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้คุณพ่อเป็นห่วงและพูดกับคุณแม่ว่าลูกชาย(ชวลิต)ผอมซูบลงเยอะมาก
จนในวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 ก.พ.68) พี่ชายเริ่มตาลอย พูดไม่รู้เรื่อง และไม่ตอบสนอง ตัวเองและน้องเบียร์ ลูกชายของนายชวลิต จึงได้นำตัวนายชวลิต ส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ดอย่างเร่งด่วน ตนเองก็ได้เฝ้าติดตามอาการของพี่ชายอย่างใกล้ชิดโดยตลอดเพราะว่าตนเองทำงานที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วย
จนวันนี้( 24 ก.พ. 68) หลังจากที่ตัวเองลงเวรจากตึกผู้ป่วยเบาหวาน รีบขึ้นไปเพื่อจะดูอาการของพี่ชายเหมือนทุกวันที่ผ่านมา พอขึ้นไปถึงตึก ชั้นที่พี่ชายรักษาตัวอยู่แถบเข่าทรุดลงกับพื้นเมื่อพยาบาลประจำตึกแจ้งกับตัวเองว่าพี่ชายเสียแล้ว ตัวเองจึงตั้งสติทั้งๆที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ตนจึงเดินทางกลับบ้านซึ่งห่างจากโรงพยาบาลร้อยเอ็ดไม่ถึง 1 กิโลเมตร มาบอกข่าวร้ายกับพ่อและแแม่ที่รองฟังข่าวดีเรื่องพี่ชาย พอพ่อกับแม่ทราบข่าวร้ายก็ร้องไห้เสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักตัวเองก็ได้แต่ปลอบท่านทั้งสองว่า พี่ชายไปดีแล้ว ไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว
วันนี้ตัวเองต้องทำอะไรหลายๆอย่างแทนครอบครัวในการติดต่อประสานงานกับที่ทำงานพี่ชาย ติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาล และบอกข่าวการเสียชีวิตของพี่ชายไปยังญาติ พี่น้อง พ้องเพื่อนทุกคน และครอบครัวจะนำร่างของพี่ชาย นายชวลิต ยมรัตน์ กลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ในวันพรุ่งนี้ 25 ก.พ.68 และจะมีพิธีสวดอภิธรรมคืนแรกคือคืนพรุ่งนี้( 25 ก.พ.68) และจะฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 ณ เมรุวัดสระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ฝากถึง ญาติ พี่น้อง เพื่อนพ้องน้องพี่ที่มีความสนิทสนม รู้จักกับผู้เสียชีวิต(นายชวลิต ยมรัตน์) ให้มาร่วมฟังสวดอภิธรรม และส่งพี่ชาย(ชวลิต ยมรัตน์)เป็นครั้งสุดท้าย นายยุทธ ยมรัตน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ