เพลิงไหม้โกดังย่านบางพลี

เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังย่านบางพลี ภายในเก็บหน้ากากอนามัย(แมส) ถุงมือยาง และชุดตรวจโควิด ที่ค้างสต็อกขายไม่หมดกับหมดอายุแล้ว และยังมีกระสอบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ อินเวอร์เตอร์ สายไฟ และแผงวงจร เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ ต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ เหตุเกิดภายใน ซอยรัตนโชค 12 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงานแห่งหนึ่ง ภายใน ซอยรัตนโชค 12 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานงาน รถดับเพลิงจาก อบต.บางพลีใหญ่ และ เทศบาลใกล้เคียง รวม 6 คัน เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ เป็น ลักษณะโกดังโรงงานขนาดใหญ่ปลูกติดกันหลายคูหา ซึ่งด้านในแยกเป็นออฟฟิศและที่เก็บของ โดยโรงงานดังกล่าวประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ และเป็นโกดังเก็บของ โดยภายในโกดังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พบ แสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาก เพลิงได้ลุกไหม้บริเวณชั้นลอย ซึ่งที่เป็นเก็บ หน้ากากอนามัย(แมส) ถุงมือยาง และ ชุดตรวจโควิด ที่หมดอายุและค้างสต๊อก ก่อนลุกลามไหม้ทั้งโกดัง เจ้าหน้าที่จึงเร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เพลิงนั้นลุกลามเข้าโรงงานข้างเคียง ซึ่งใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้อยู่ในวงจำกัด จากการตรวจสอบพบว่า เพลิงภายในโกดังเสียทั้งหมดและลุกลามไหม้โกดังข้างเคียงบางส่วน

จากการสอบถาม นาย คูณ คูณ ไน ชาวเมียนมา ซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ไฟไหม้เริ่มต้นจากด้านบน โดยลุกไหม้กระสอบซึ่งคาดว่าเป็นวัสดุพลาสติก ในขณะเกิดเหตุมีคนทำงานอยู่ภายในโกดังแต่ไม่มากนัก

ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ เผยว่า เป็นเหตุเพลิงไหม้โรงงานแห่งหนึ่ง ตำบลบางพลีใหญ่ หมู่ที่ 19 เป็นโรงงานคัดแยกขยะ เบื้องต้นที่รับแจ้งเป็นโรงงานที่ซื้อขยะมาคัดแยกแล้วก็ออกขาย เบื้องต้นเสียหาย 1 คูหา ได้รับผลกระทบข้างๆอีก 1 คูหา ส่วนใน เรื่องอุตสาหกรรมจังหวัดก็ได้เข้ามาแล้วกำลังตรวจสอบอยู่ และสิ่งแวดล้อมก็กำลังเข้ามา ในเรื่องด้านเสียหายในเรื่องอื่น ๆ อาจจะต้องรอตรวจสอบอีกที

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ปากคำเพิ่มเติมต่อที่โรงพัก ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังไม่ทราบสาเหตุ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ้ามาเก็บลายละเอียดตรงจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะสรุปสาเหตุที่แท้จริง