อดีตผู้ใหญ่บ้านหัวร้อนชักปืนกระหน่ำยิงหลานชายและหลานสะใภ้ ฉุนเสียงดังเจาะกำแพงบ้านทำรั้ว

นายมานิตย์  อายุ 72 ปี เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลสำโรง หัวร้อนชักปืนกระหน่ำยิงหลานชาย และหลานสะใภ้ ดับคาบ้าน ย่านสำโรงใต้ ก่อนจะขับรถเก๋งหลบหนีไป ชนวนเหตุแค้นเจาะกำแพงต่อเติมบ้าน พบก่อนหน้าก่อเหตุชะแลงตีหัวแม่คนตายมาแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวเอาไว้แล้ว เจ้าตัวขอปฏิเสธตอบคำถาม และพบเจอสื่อพร้อมทั้งไม่ขอไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่ นายปลั๊ก บุตรชายของผู้ตาย ได้นำคลิปที่ถ่ายขณะที่ผู้ก่อเหตุบุกเข้ามายิงพ่อและแม่จนเสียชีวิต ไปขอความช่วยเหลือจาก กัน จอมพลัง เตรียมเข้าพบ ผู้กำกับ สภ.สำโรงใต้ ในวันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 10.00 น.

\"\"

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ศูนย์กู้ชีพปราการได้รับแจ้งจากสายด่วน 1669 ว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธปืน เหตุเกิดที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งภายในซอย บุญถนอม ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูไปตรวจสอบ

\"\"

พอเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงที่หน้าบ้านหลังดังซึ่งเป็นบ้านปูนสองชั้นปลูกติดกันมีรั้วกำแพงปูนกั้นระหว่างบ้าน  โดยข้างกำแพงรั้วตรงลานจอดรถของบ้านพบร่างของ นาย อำนาท อายุ 55 ปี  ถูกยิงเข้าที่กลางอกจำนวน ห่างกันเล็กน้อย พบร่างของ นางสุรินทร์ อายุ 50 ปี ภรรยาของ นายอำนาท นอนเสียชีวิตมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะอย่างน้อย 2 นัด โดยมีปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. ตกเกลื่อนพื้นจำนวน 7 ปลอก โดยพบอาวุธปืนกึ่งออโต้ขนาด 9 ม.ม. ที่ใช้ก่อเหตุอยู่ภายในบ้านของ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งข้างกัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเก็บทั้งหมดเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงปิดกั้นพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นาย มานิตย์ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลสำโรง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ขับ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา หลบหนี โดยตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการได้วิทยุแจ้งสกัดจับ

\"\"

ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านของ นายมานิตย์ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่ก่อเหตุใช้ปืนยิงใส่หลานชายและหลานสะใภ้ย่านสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยภาพวงจรปิดจับภาพได้จะเห็นว่าก่อนเกิดเหตุ นายมานิตย์ ยืนโต้เถียงกับฝ่ายของผู้ตาย อยู่ที่หน้าบ้าน ซึ่งมีลูกและภรรยายืนประกบ จากนั้นไม่นาน นายมานิตย์ ได้เดินเข้ามาในบ้านเพื่อจะค้นหาปืนที่ซ่อนไว้หัวเตียงในบ้าน โดยรอบแรกลูกสาวพยามเข้าห้ามปราบ นายมานิตย์ จนมีการเดินกลับออกไปที่หน้าบ้านและโต้เถียงกันอีกครั้งกระทั่ง นายมานิตย์ เดินย้อนกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งเพื่อหยิบปืนที่ซ่อนไว้ ก่อนจะเดินถือแนบเอวออกไปยืนหน้าบ้านและเกิดการโต้เถียงกันอีกครั้งจนกระทั่ง นายมานิตย์ เกิดความโมโหชักปืนออกมาจากซองและเดินลงไปรัวยิงใส่หลานชายและหลานสะใภ้  จากนั้นไม่นานภาพวงจรปิดมุมเดิมจับภาพได้ในขณะที่ นายมานิตย์ พอก่อเหตุเสร็จเดินกลับเข้ามาในบ้านโดยมีเสียงภรรยาบอกให้ นายมานิตย์ หนีไป   กระทั่งไปถูกตามจับกุมตัวได้ที่จังหวัดชลบุรี เมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน

\"\"

จากการสอบถามข้อมูลทางญาติผู้ตายบอกให้ข้อมูลแต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า ผู้ก่อเหตุกับผู้ตายเป็นอาหลานกัน และเป็นญาติพี่น้องกัน ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีบ้านรั้วติดกัน ก่อนหน้านี้ ช่วงต้นเดือนเมษายนปี 2567 ที่ผ่านมา คุณยายอายุ 80 ปี ก็เคยถูก นายมานิตย์ บุกเข้ามาใช้ชะแลงฟาดที่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บและเป็นคดีความอยู่ในชั้นศาลมาแล้ว จนมาล่าสุดมาเกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง

\"\"

ขณะที่ นางสาว โอ๋  คนนี้เป็นหลานสาวของผู้ก่อเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า บ้านผู้ตายกับบ้านผู้ก่อเหตุอยู่ติดกันและเป็นญาติ ซึ่งมีปัญหากันมาก่อน ซึ่งบ้านคนที่เสียชีวิตจะทำรั้วบ้าน แต่ลุงที่เป็นมือปืนได้มาบอกว่าห้ามเจาะรั้ว และป้าอีกคนเลยมาพูดว่ากล้ายิงหรือเปล่า จากนั้นลุงจึงเอาปืนออกมายิงตนเองไม่ทราบว่ากี่นัดแต่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนลุงผู้ก่อเหตุตอนนี้หลบหนีเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้มี ปัญหากันมาก่อนและอยู่ระหว่างขึ้นศาล โดยทั้งคู่เป็นญาติกันและบ้านอยู่ติดกันมีปัญหากันบ่อยครั้ง

\"\"

ส่วนคุณลุง ปุ๊ค (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี เพื่อนบ้านใกล้ที่เกิดเหตุบอกว่า  ตนเองไม่เห็นขณะเกิดเหตุและได้ยินเสียงปืนประมาณหกถึงเจ็ดนัดจากนั้นคนร้ายได้ขับรถยนต์หลบหนีออกไป ซึ่งตนเองมาดูที่เกิดเหตุก็พบว่าคนที่ถูกยิงนั้นเสียชีวิตแล้ว โดยคนที่ถูกยิงเป็นสามีภรรยากันซึ่งเป็นหลาน ส่วนคนยิงหรือมือปืนนั้นเป็นอา ซึ่งมีปัญหากันเรื่องทำกำแพงรั้วกั้นเสียงดัง

\"\"

เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย คาดใช้เวลาไม่นาน ส่วน ชนวนเหตุเกิดจาก บ้านของผู้เสียชีวิตมีการต่อเติมกำแพงเมทัลชีล แต่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจคิดว่ามาเจาะกำแพงบ้านของเขา จึงมีการมาโต้เถียงกับเมียของผู้เสียชีวิตก่อนในตอนแรก ก่อนจะนำปืนที่เตรียมมายิงใส่หลานชายตัวเองหลายนัด และหันกลับมายิง หลานสะใภ้อีก 2 นัด ก่อนจะยิงเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะยิงลูกชายผู้ตายแต่ไม่โดนเพราะวิ่งหลบทันอีก 1 นัด

\"\"

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.24 น. ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ขับไล่ล่าประกบรถคันดังกล่าวมาถึงถนนข้าวหลาม จึงได้วิทยุให้ตำรวจ สภ.แสนสุข ได้สกัดเอาไว้ได้ บนถนนข้าวหลามลงหาดบางแสน ช่วงยูเทิร์นหน้าร้าน ชลบุรี เวดดิ้ง ก่อนจะควบคุมตัว นายมานิตย์ ไปลงบันทึกประจำวัน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ มารับตัวไปสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป

\"\"

ล่าสุดเมื่อช่วงสามทุ่มกว่าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ไปคุมตัว นายมานิตย์ มายัง สภ.สำโรงใต้ พร้อมรถที่ใช้หลบหนี เพื่อสอบปากคำ โดยมีบุตรสาวซื้อข้าวหมูแดงมาฝาก และเจ้าตัวขอปฏิเสธตอบคำถาม และพบเจอสื่อพร้อมทั้งไม่ขอไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

\"\"

พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรม ผกก.สภ.สำโรงใต้  เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการสั่งให้บรูณาการกำลังหลายหน่วยออกไล่ล่าตัวจนไปจับกุมตัวได้ที่ชลบุรีหลังเกิดเหตุในเวลาเพียง3 ชั่วโมง  ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.สำโรงใต้ ส่วนปมเหตุมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายเคยมีเรื่องทะเบาะวิวาทจนขึ้นศาลมาแล้วครั้งหนึ่งจนเกิดความบาดหมางกันมาตลอด ส่วนพอมาวันนี้ฝ่ายของผู้ตายได้ว่าจ้างให้ช่างเข้ามาต่อเติมหลังคาแต่ฝ่ายของผู้ก่อเหตุเข้าใจว่าจะมีการเจาะกำแพงข้างบ้านจนเกิดการโต้เถียงกันก่อนจะก่อเหตุดังกล่าว ส่วนที่ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปชลบุรีเพราะมีบ้านญาติอยู่ที่นั่น

\"\"

ขณะที่ นายปลั๊ก บุตรชายของผู้ตายทั้งสอง ได้หอบหลักฐานโดยเฉพาะคลิปที่ถ่ายในขณะที่ผู้ก่อเหตุบุกเข้ามายิงพ่อและแม่จนเสียชีวิต ไปขอความช่วยเหลือจาก กัน จอมพลัง ซึ่ง กัน จอมพลัง รับเรื่องและจะพาผู้เสียหายเข้าพบกับทางด้าน ผู้กำกับ สภ.สำโรงใต้ ในวันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 10.00 น.

\"\"