สองหนุ่มบุกทวงเงินลูกหนี้แต่ตกลงกันไม่ได้ชักปืนยิงใส่เพื่อนลูกหนี้เสียชีวิตคาโรงงาน

สองหนุ่มบุกทวงเงินลูกหนี้แต่ตกลงกันไม่ได้ชักปืนยิงใส่เพื่อนลูกหนี้เสียชีวิตคาโรงงานแห่งหนึ่ง ริมถนนเทพารักษ์ หลักกิโลเมตรที่ 19 ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีหลบหนีไป ภรรยาของผู้ก่อเหตุ พากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านพักแต่ไม่พบตัว ก่อนจะไปเจอตัวตรงที่เผาถ่านจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวแต่โดยดี

 

\"\"

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในโรงงานแห่งหนึ่ง (บริษัท พียู สตีล รูฟ จำกัด) ริมถนนเทพารักษ์ หลักกิโลเมตรที่ 19 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

\"\"

ที่บริเวณหน้าออฟฟิศของโรงงานดังกล่าว พบ นายนิรุจน์ อินต๊ะ อายุ 27 ปี ชาว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มีแผลถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านหลังขวา เจ้าหน้าที่กู้ชีพ เร่งให้การช่วยเหลือห้ามเลือดและปั้มหัวใจอยู่นานแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ที่บริเวณด้านหน้าบริษัท พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน อมย 606 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 2 คน เป็น ชาย อายุประมาณ 45-50 ปี หลังเกิดเหตุได้วิ่งหลบหนีไป

\"\"

ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้สืบจนทราบว่าคนที่ใช้ปืนยิงผู้ตายทำงานอยู่โรงงานข้าง ๆ ซึ่งผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีหลบหนีเข้าไปในโรงงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบแต่ก็ไม่พบตัว แต่จากการสอบถามจึงทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายสมชาย(หรือต๋อย) สุขเจริญ อายุ 48 ปี จึงประสานกับทาง นางชวัลลักษณ์ สุขเจริญ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ พากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านพักของ นายสมชาย ภายในซอยบางปลา 77 (สมหวัง) ซึ่งห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร แต่ก็ยังไม่พบตัว นายสมชาย ก่อนที่ นางชวัลลักษณ์ จะนำทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบจุดที่ นายสมชาย ใช้เผาถ่านเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 200 เมตร (ซึ่งเป็นจุดที่ นายสมชาย เข้ามานั่ง) เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้ นางชวัลลักษณ์ ตระโกนเรียกให้ นายสมชาย อยู่สักพัก นายสมชาย จึงยืนขึ้นมาจากจุดที่ซ่อนตัว เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวแต่โดยดี ก่อนจะควบคุมตัวมาเอาของกลางอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่ง นายสมชาย ได้นำมาเก็บไว้ที่ทำงาน เป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน ขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 1 นัด และปลอกกระสุน ขนาด .38 ซุปเปอร์ จำนวน 1 ปลอก ก่อนจะควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีกำลังตำรวจดูแลความสงบและความปลอดภัยอย่างเข้มงวดใช้เวลาไม่นาน จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

\"\"

ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพ ได้ในขณะที่ นายกาญ  (เสื้อลาย) อายุ ประมาณ 53  ปี เจ้าหนี้  ขี่รถจักรยานยนต์มากับ นาย ต๋อย (เสื้อสีฟ้าหัวเกรียน) ซึ่งมาทวงเงิน นายสุวิทย์(หรือแมน) แสงขำสุวรรณ อายุ 28 ปี (เสื้อดำ) ลูกจ้างของโรงงานที่เกิดเหตุ ติดอยู่พันกว่าบาท โดยขณะนั้นมีเพื่อนของ นายแมน นั่งอยู่ด้วยรวมทั้งหมด 3 คน หนึ่งในนั้นคือ นายนิรุจน์ (ผู้ตาย) รวมอยู่ด้วย ระหว่างที่ นายกาญ เจ้าหนี้กำลังเจรจาทวงถามเงินจาก นายแมน ที่ยืมไป มีจังหวะหนึ่งที่ คาดว่า นายกาญ เจ้าหนี้คงจะพูดจาอะไรสักอย่างจนทำให้ นายนิรุจน์ ที่เป็นเพื่อนของ นายแมน และนั่งอยู่ตรงนั้น เกิดความไม่พอใจลุกผลักอก นายกาญ จนล้มทั้งยืน จากนั้นทำให้ นายต๋อย ที่เป็นเพื่อนของ นายกาญ ที่เห็นเข้าและยืนคุมเชิงอยู่ จึงผลักอก นายนิรุจน์ กลับไปทำให้ นายนิรุจน์ ไม่พอใจและเปิดฉากสาวหมัดใส่กันอยู่สักพัก นายต๋อย จึงวิ่งออกจากโรงงานไป และดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่ นายกาญ ที่เป็นเจ้าหนี้เข้าพูดคุยและโต้เถียงกับ นายนิรุจน์ อีกครั้ง กระทั่งไม่นาน นายต๋อย กลับเข้ามาพร้อมกับปืนเหน็บเอวเข้ามาด้วย ซึ่งภาพวงจรปิดอีกมุมจับภาพ ได้ในขณะที่ นายต๋อย เดินกลับมาจากโรงงานข้างเคียงพร้อมกับอาวุธปืน จากนั้นจึงมีการเข้ามาเคลียร์กันอีกครั้งแต่ไม่ลงตัวจนเกิดการชกต่อยกันเกิดขึ้นอีกครั้ง นายต๋อย ซึ่งเหน็บปืนมาด้วยที่เอวจึงเดินกลับมาที่ข้างรั้วโรงงานเพื่อบรรจุกระสุนปืนก่อนจะชักปืนยิงใส่ นายนิรุจน์ ไปหนึ่งนัด กระสุนเข้าที่ชายโครงข้างขวากระสุนฝังใน ภาพจากกล้องอีกมุมจะเห็นหลังจากที่ นายนิรุจน์ ถูกยิงและล้มลงตรงข้างรถหน้าประตูออฟฟิศ ส่วน นายต๋อย ผู้ก่อเหตุวิ่งหลบหนีเข้าไปในโรงงานข้างเคียง

\"\"

นายสุวิทย์ (หรือแมน) แสงขำสุวรรณ อายุ 28 ปี คนนี้เป็นลูกหนี้ของ นายกาญ นายแมนบอกว่า เรื่องเกิดขึ้นเพราะว่าตนเองยืมเงินจาก นายกาญ รวมแล้วพันกว่าบาทและผลักคืนเงินมากว่าเดือนแล้ว จนมาวันนี้ ขณะที่ตนเองกับเพื่อนรวมถึงผู้ตาย นั่งเล่นเกมส์กันอยู่ นายกาญ เจ้าหนี้ขับรถจักรยานยนต์มากับผู้ก่อเหตุเพื่อมาทวงถามเรื่องคืนเงินที่ยืมไป ซึ่งตอนแรกก็พูดคุยเคลียร์กันเกือบจะลงตัวแล้ว แต่ นายกาญ และเพื่อนของ นายกาญ พูดจาคล้ายกับข่มขู่ทำให้ นายนิรุจน์ ไม่พอใจจึงลุกยืนต่อว่าและผลักอก นายกาญ จนล้มลงก่อนจะชกต่อยกับเพื่อนของ นายกาญ จนกระทั่งเพื่อนของ นายกาญ กลับไปเอาปืนจากโรงงานที่เพื่อน นายกาญ ทำงานอยู่โรงงานข้างมาก่อเหตุดังกล่าว

\"\"

ด้าน นายต๋อย ผู้ก่อเหตุ ให้การยอมรับว่า ก่อเหตุจริง สาเหตุเพราะว่า เขาทำร้ายตนก่อน ตนไม่ได้ข่มขู่อะไรเขาก่อนเลยก็พูดดี ๆ  แต่เขาเข้ามาทำร้ายเราต่อยตน ตนกับเขาไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เรื่องที่เกิดคือ เราเคยมาทวงเงินเขาตั้งแต่ตนแล้ว ในวันนี้นายสงกรานต์ (คนที่เป็นเจ้าหนี้) เขาชวนตนไปเป็นเพื่อนทวงเงินกับเขาหน่อย แต่คือแบบทางนั้นเข้าไม่พอใจ ทำร้ายตนก่อน โดยที่ตนไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ปืนที่ใช้ก่อเหตุคือตนกลับมาเอา ตอนที่โดนต่อยจนล้มตอนนั้นปืนอยู่ที่เอว ส่วนปืนเป็นปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ซุปเปอร์ ไม่มีทะเบียน และซื้อมาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว

\"\"

ขณะที่ นางชวัลลักษณ์ ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ปกติหลังเลิกงานประมาณ 4 โมงเย็น เขาก็จะมาก่อไฟเผาถ่านแล้วเดี๋ยวมันก็จะดับของมันเองเพราะว่ามันเป็นเตาไร้ควัน ตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกำลังทำลาบหมู ตนก็ไม่รู้เรื่องอะไร ตนก็งงเหมือนกัน เพราะแกเป็นคนใจเย็น เป็นคนที่จิตใจดี ไปทำบุญกันตลอด เป็นคนมีเมตตา ตนยังงงอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แกเจอหนักมากว่านั้น แกก็ไม่ทำร้ายใคร แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เรื่องติดหนี้กันตนไม่รู้ คนที่เสียชีวิตเป็นใครก็ยังไม่รู้ วันนี้แกก็ไปทำงานพอเลิกงานสี่โมงครึ่งแล้วก็มาเผาถ่านเป็นงานเสริม เพราะที่ทำงานไม่มีโอ ก็เลยมาหาทำงานเป็นรายได้เสริมของเราเอง ปกติแกเป็นคนใจเย็น เป็นคนมีสติ เจอหนักมากว่านี้แกก็ผ่านมาหมด ไม่เคยไปตีไปทำร้ายใคร ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอแก ก็ตอนประมาณห้าโมงครึ่งคือตนเลิกงานซื้อกลับข้าวเข้ามาตนก็แวะหา แกก็ตอบกลับว่าเดี๋ยวเข้าไป แล้วก็หายไปเลย แล้วแกก็โทรมาบอกว่าทะเลาะกันกับเขา แล้วเขามาตบต่อยตาแก และเขาก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจยิงแต่ยิงสาด

\"\"

พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ระบุ สำหรับคดีนี้ เกิดจากที่ตัวผู้ก่อเหตุเขาเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อนในกรณีที่อีกฝ่ายได้ยืมเงิน จำนวนสองพันบาท แล้วปรากฏว่าไม่คืน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้จักกันและก็นั่งคุยกันอยู่บริเวณจุดที่มีการเผาถ่านบริเวณหลังโรงงาน พอมาบริเวณจุดเกิดเหตุได้มีการทวงเงินแทนเพื่อนแล้วปรากฏว่าฝ่ายผู้เสียชีวิตก็ไม่ใช่เป็นฝ่ายที่ยืมเงินด้วยซ้ำเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อนแล้วก็ได้เกิดโทสะ เข้าไปชกต่อยฝ่ายผู้ก่อเหตุก่อน ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็เลยใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมายิงผู้เสียชีวิต ในตอนแรกก็ได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายพยายามยื้อชีวิตแล้วแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเหตุให้เสียชีวิต อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ซึ่งเขาบอกว่าได้ซื้อมานานแล้ว ซึ่งเรืองนี้เราจะขยายผลต่อว่าซื้อมาจากไหน แล้วก็ถ้าใครที่ได้นำอาวุธปืนมาขายให้ผู้ก่อเหตุครั้งนี้เราก็จะขยายผลแล้วก็จับมาดำเนินคดีด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร