อาชญากรรม

ล่าสุดวันนี้ 9 ก.พ.68  ทางเจ้าหน้าที่ จับกุมตัวนายวิเศษศักดิ์ อายุ 56 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร คนขับรถนำชาวพม่า มาทิ้งทางเข้าสวนยาง ริมถนนสายเอเชียหมู่ 10 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้ที่ริมถนนสายเอเชียหมายเลข 2 ขาล่อง บริเวณหน้า ขุมทอง รีสอร์ท ต.คูหาใต้  อ.รัตภูมิ จ.สงขลา https://youtu.be/QeQv5rAmtb0?si=B5pAfpLHGuPjNdPh โดยการจับกุ่มในครั้งนี้   เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.สงขลาได้ ตั้งจุดสกัดในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ฒน-2361 กทม. โดยมี นายวิเศษศักดิ์ อายุ 56 ปี ชาว จ.สมุทรสาครเป็นคนขับ และคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 33 คน ต่อมาได้ประสานชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาพร้อมเจ้าหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตภูมิ นำมาสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งได้แจ้งข้อหา ร่วมกันให้ที่พักพิงซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ได้ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.รัตภูมิเพื่อดำเนินคดี […]

มุกดาหาร -​ตำรวจน้ำมุกดาหาร (CIB)​ จับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ​ ฐานบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนและกระทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00 น กองบังคับการตำรวจน้ำ ภายใต้การอำนวยการของ​ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.​ พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก,​ พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน. ได้สังการให้ ชุดสืบสวนสถานีตำรวจน้ำ3 กองกำกับการ10 กองบังคับการตำรวจน้ำ​ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม โดย ร.ต.ต.คมเด็ด อ่อนพฤกษ์ภูมิ รอง สว. (ป.ทางน้ำ)​ส.รน.3 กก.10 บก.รน., ชุดสืบสวนตำรวจน้ำ ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมและควบคุมตัวนายวิเศษ บางทรายอายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 ม.8 ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร​ จ.มุกดาหาร​ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดมุกดาหารที่ 404/2567 ลงวันที่

พะเยา วงจรปิด หนุ่มใหญ่ห้ามสองหนุ่มทะเลาะกันถูกยิงดับในงานศพ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุยิงกันตายเมื่อคืนวันที่ 7 กพ.68 เวลา 23.30 น. ภายในบริเวณบ้านงานศพบ้านศรีบุญชุมตำบล ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา ทาง ร.ต.อ.ปพัทธน์ ก๋าคำ รองสว.(สอบสวน)สภ.จุน จ.พะเยา ได้รับแจ้ง รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ,ชุดสืบสวนชุดกู้ภัยกวนอู ที่เกิดเหตุ ภายในบริเวณบ้านศพพบผู้บาดเจ็บนอน พื้น มีเลือดไหลกระจายเต็มพื้นชื่อ นาย คาน เทวี อายุ 49ปี บ้านเลขที่ 79 ม.8 บ้านศรีเมืองชุม ต.ลอ อ.จุน จ.พะเยา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระสุนขนาด. 357เข้าบริเวณหน้าอกด้านซ้าย เหนือราวนม ทะลุด้านหลัง 1 นัด นอนอยู่ลานพื้น งานศพ ในหมู่บ้าน ชาวบ้านและชุดกู้ภัยกวนอูได้ช่วยกันปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลจุนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังเกิดเหตุการณ์ทางร.ต.อ.ปพัทธน์ ก๋าคำ รองสว.(สอบสวน)สภ.จุน จ.พะเยาตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าก่อนเกิดเหตุนายคมกริช บุญวงค์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่

หนุ่ม วัย 19 ปี ชาวไทยใหญ่ (พม่า) ที่ปรากฎในคลิปจับลูกหมาโยนลงทะเลที่ชุมพร ได้เดินทางเข้ามอบตัวแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าทำไปเพราะความเมา และเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยมีอดีตรุ่นพี่เป็นคนถ่ายคลิปและยุยง คนที่ปล่อยคลิปจนมาเป็นกระแสดารม่าคืออดีตรุ่นพี่(คนถ่าย) น่าจะเพื่อทำให้เสียชื่อเสียง จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายนึ่ง โพสต์คลิปวีดีโอ ความยาวประมาณ 1 นาที 38 วินาที ลงกลุ่มหมาน่ารักอะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของชายวัยรุ่นคนนึ่งที่อุ้มน้องหมาก่อนที่จะโยนไปในทะเล พอน้องหมาว่ายเข้ามาฝั่งชายวัยรุ่นคนดังกล่าวก็จับน้องหมาโยนไปในทะเลอีก ซึ่งทำอย่างนี้หลายรอบหลายครั้ง โดยที่ทั้งคนถ่ายคลิปวีดีโอและชายวัยรุ่นคนโยนได้หัวเราะอย่างสนุกสนาน พร้อมมีการลงข้อความว่า / อาบน้ำหมาจรเห็บเยอะพิถีชาวใต้ที่คนอีสานไม่มีวันเข้าใจ / หลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเซียลก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก / ซึ่งเหตุดังกล่าวนั้นเกิดที่จังหวัดชุมพร เมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว ซึ่งจากคลิปวีดีโอดังกล่าว ทางเพจมูลนิธิ วอชด็อก ไทยแลนด์ ได้แชร์เรื่องราวสุดสะเทือนใจดังกล่าว ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว กลายเป็นดราม่าทันที สังคมออนไลน์แห่วิจารณ์เดือดสนั่น และต่างเป็นห่วงเจ้าสุนัขตัวนี้ ยังปลอดภัยอยู่หรือไม่ อีกทั้ง ได้มีชาวเน็ตขุดคุ้ยเจอช่องทางโซเชียลของหนุ่มที่ตกเป็นข่าว โดยออกมาเคลื่อนไหวพร้อมอ้างว่า ที่ทำไปเพราะเห็บเยอะ ต้องจับอาบน้ำ ตามที่เป็นข่าว

ร้อยเอ็ด…เปิดใจ\”โจ้มหาเฮง\” เซียนพระชื่อดังหลังแจ้งความดำเนินคดีอดีตเมียผู้ว่าฯบิดเงินหวย 10 ล้าน ยันไม่หนักใจเรื่องคดี วันนี้(8 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดร้อยเอ็ดรายงานว่า \”เสี่ยโจ้มหาเฮง\” เซียนพระชื่อดังเมืองร้อยเอ็ดได้นัดเปิดใจกับนักข่าวหลังจากเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตภรรยาผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดหนึ่งในคดีฉ้อโกง จากกรณี นายอัครเดช จันทแสง เจ้าของฉายา “โจ้ มหาเฮง” เซียนพระชื่อดังเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เสลภูมิ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ดำเนินคดีกับอดีตคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนบน ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ เป็นการโกงเงินค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นเงินคงค้างกว่า 10 ล้านบาทเศษ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดวันนี้(8 ก.พ.68) นายอัครเดช จันทแสง เจ้าของฉายา “โจ้ มหาเฮง”เปิดใจกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดร้อยเอ็ดว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในช่วงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มี ทั้งสัญญาซื้อขายลอตเตอรี่ที่ทำไว้ร่วมกันกับคู่กรณี(อดีตเมียผู้ว่าฯ) แชทไลน์ที่มีการพูดคุยกันตลอดกับคู่กรณี(อดีตเมียผู้ว่าฯ) ภาพถ่าย กล้องวงจรปิด อื่นๆที่มีทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ พร้อมกับเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด สื่อมวลชนทุกแขนง รายการโหนกระแสและช่องทางอื่นๆที่สามารถดำเนินการได้ทุกช่องทางเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในฐานะผู้เสียหายโดยตรง “โจ้ มหาเฮง”กล่าวต่ออีกว่าตนเองได้พยายามติดต่อประสานงานขอยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดที่อดีตภรรยาของท่านถูกผมแจ้งความดำเนินคดีแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะว่าเหมือนถูกขัดขวางจากองคาพยพของท่าน และผมเคยโทรพูดคุยกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ด้วยท่านได้ตำหนิผมกลับมาว่าทำไมไปออกข่าวแบบนั้นเหมือนไม่ให้เกียรติกัน ทั้งที่ผมเป็นผู้ถูกกระทำจากอดีตภรรยาของท่าน และล่าสุดผมทราบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของผมว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวกับภรรยาของท่าน(คนที่ผมแจ้งความดำเนินคดี)ได้จดทะเบียนหย่ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคดีผมไม่มีความเป็นห่วงหรือกังวลแต่อย่างใดทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงซึ่งผมเป็นผู้ถูกกระทำ และผมมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีว่าจะสามารถเอาผิดอดีตภรรยาของท่านผู้ว่าฯได้ทุกอย่างจากนี้ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ผมยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใครวอนผู้ใหญ่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเห็นใจและเมตตาผมด้วย ผมขอเงินผมคืนครับ เงินผม เงินเพื่อน เงินพี่น้องผม

ผวา! แก๊งค์มิจฉาชีพอาละวาดย่านพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี ประกบรถ-เฉี่ยวชน-รีดทรัพย์ชาวบ้าน เหยื่อวอนตำรวจเร่งจับกุม วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 นายบัวเรียน มังคะระอุดร ชาวบ้านหนองแข้ ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนกรณีเมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) หลังตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่ก่อเหตุประกบและเฉี่ยวชนท้ายเพื่อรีดทรัพย์ ที่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2009 ช่วงบ้านหนองหอไตร ต.ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก นายบัวเรียน มังคะระอุดร อายุ 64 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 7 ก.พ. 68 ขณะขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ กลับจากการพาภรรยาไปตรวจรักษาที่ รพ.หนองกุงศรี ระหว่างทางได้มีรถยนต์เก๋ง และรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน 3577 กรุงเทพมหานคร ขับประกบมาทั้งด้านข้างและด้านท้ายรถ ก่อนจะเฉี่ยวชนบริเวณกันชนท้ายรถของผู้เสียหาย \”ผมเห็นว่าเขาขับรถประกบมาสักระยะแล้ว แต่ก็พยายามขับรถตามปกติ จนกระทั่งถึงช่วงบ้านหนองหอไตร เขาก็เร่งเครื่องมาเฉี่ยวท้ายรถผม

นครพนม ทหารพรานติดกล้องส่องริมโขง ซุ่มจับ 2 หนุ่มรับจ้างขนยาบ้า 252,000 เม็ด อึ้ง  พบเสพวันละ 10 เม็ดปกติ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กองร้อยทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บ้านปากห้วยม่วง นายราชวัชร์ เพ็ชร์ไพฑูรย์ นายอำเภอบ้านแพง/ผอ.ศป.ปส.อ.บ้านแพง พันเอกอินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารที่ 21 พ.ต.อ.สุนันท์ สร้อยสุด ผกก.สภ.บ้านแพง พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ผู้ต้องหา 2  ราย อายุ 31 ปี กับ 17 ปี ของกลางยาบ้า จำนวน 2 กระสอบ 126 มัด จำนวน 252,000 เม็ด รถเก๋งฮอนด้า ซิตี้สีเทา ทะเบียนกข 7146 พร้อมโทรศัพท์มือถือจำนวน

เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ 8 ก.พ.68 ร.ต.อ.สมใจ สุวรรณกิจ พนักงานสอบสวน สภ.บางกล่ำ ได้รับแจ้งว่า พบศพถูก ถูกทิ้งทางเข้าสวนยาง ริมถนนสายเอเชียหมู่ 10 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ฝั่งมุ่งหน้าแยกคูหาเลยปากทางเข้าอำเภอบางกล่ำไปประมาณ 200 เมตรจึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.สมปราช กรรณกานนท์ ผกก.สภบางกล่ำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.บางกำลัง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดสงขลา พร้อมแพทย๋โรงพยาบาลบางกล่ำ ที่เกิดเหตุพบศพ เป็นเพศชาย รูปร่างผอม ถูกห่อด้วยกระสอบปุ๋ย สีขาว ข้อมือขาวผูกด้วย เชือกฟางสีฟ้า ไม่สวมเสื้อใส่กางเกงวอมขายาว สภาพขึ้นอืด เจ้าหน้าที่คาดว่า เสียชีวิตมาแล้วประมา 4-5 วันและไม่มีบาดแผลถูกทำร้าย มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ได้นำร่างผู้สียชีวิตส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่เพื่อชันสูตรพลิกศพ จากการสอบคนที่มาเจอศพเป็นคนแรกทราบว่า ได้มาทำงานตรงจุดนี้เป็นครั้งแรก พอจอดรถก็ได้กลิ่นเหม็นจึงหาดูเห็นก็เป็นกระสอบถูกมัดด้วยเชือกหัวท้ายสันนิษฐานว่าเป็นคนจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นชาวพม่าที่หลบหนีข้าเมืองและถูกฆ่ามาจากที่อื่น เนื่องจากที่ข้อมือพบเชือกฟางและลักษณะคล้าย ๆ ที่พบศพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.66  ซึ่งเป็นผู้ชาย 3 คน นอนเสียชีวิตรวมกันอยู่บริเวณชายป่า

ชัยภูมิ – ได้รับความเสียหายนับหลายหมื่นบาท วอน จนท.ตร.เร่งช่วยจับหัวขโมยแสบ หลังในพื้นที่ยังมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงเคยถูกกลุ่มหัวขโมยแสบพยายามแอบจะมางัดบ้านเพื่อหวังขโมยของ แต่ยังโชคดีเจ้าของบ้านมาเจอก่อนมาแล้วบ่อยครั้งก่อนหน้านี้! เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 8 ก.พ.68 พ.ต.ท.ศิริ  จันดีศรี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งเหตุจาก นางสาวธนาวดี  พงษ์สวัสดิ์ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านพักเลขที่ 266/1 ซอย 7 หมู่ 4 ชุมชนโนนสาทร ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ ว่ามีคนเข้ามางัดบ้านขโมยทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายจำนวนมาก จึงเร่งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบภายในบ้านเลขที่ดังกล่าวถูกหัวขโมยเข้ามางัดประตูทางเข้าหน้าบ้าน และประตูภายในก่อนเข้าไปภายในตัวบ้านได้รับความเสียหาย และมีการเข้าไปงัดรื้อแอร์เครื่องทำความเย็นของตัวบ้านพังเสียหายเพื่องัดเอาคอมแอร์ และสายไฟที่เป็นทองเหลืองมีราคาสูงได้รับความเสียหายไปทั้งหมดรวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 20,000 บาท และยังมีการมางัดพังนำเอามิเตอร์น้ำประปาของบ้านหายไปอีกจุดด้วย ซึ่งทางเจ้าของบ้านผู้เสียหาย สาววัย 50 ปี เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่วานนี้ตนเองไม่อยู่บ้าน และพึ่งกลับมาถึงบ้านตัวเองวันนี้เมื่อช่วงเกือบ 14.00 น.วันที่ 8 ก.พ.68 ที่ผ่านมา พอมาถึงบ้านเปิดเข้าไปภายในบ้านก็พบว่ามีร่องรอยมีคนเข้ามางัดพังกุญแจประตูบ้านพังเสียหาย ทั้งบริเวณเครื่องแอร์หลังบ้าน และบริเวณหน้าบ้านที่มีมิเตอร์น้ำติดไว้

  สตูลพริกแพงเป็นเหตุคนร้ายย่องขโมยพริกสร้างความเดือดร้อนเกษตรกรต้องนอนเฝ้าทั้งวันทั้งคืน จากกรณีราคาพริกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้ราคาพริกในท้องตลาดขายอยู่ที่กิโลกรัมละ  250-270  บาท ราคาหน้าสวนรับซื้ออยู่ที่  170-180 บาท ทำให้เกษตรกรกลุ่มปลูกพริกเหลืองแหลมสนพริกพื้นถิ่นของต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องพบเจอกับปัญหาการลักขโมยที่เริ่มที่เกิดขึ้น ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก นายประพนธ์ กองบก เกษตรกรหมู่ที่4ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล พาผู้สื่อข่าวไปดูร่องรอยของสวนพริกที่โดนคนร้ายมาขโมยเก็บพร้อมเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองปลูกพริกไว้ในที่นาห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ปลูกไว้ 800 ต้น ในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้หลักแสนบาท แต่ทุก ๆ ปีก็ต้องเจอกับปัญหามีคนร้ายมาขโมย สำหรับปีนี้ผลผลิตพริกเริ่มเก็บได้ประมาณ  1 เดือนก็มีคนร้ายมาแอบขโมยเก็บไปแล้ว3รอบ รอบที่มากสุดคนร้ายแอบเก็บไปครึ่งสวน คาดว่าได้พริกไปประมาณ 30-40 กิโลกรัม โดยอาศัยจังหวะที่ตนเองไม่ได้มานอนเฝ้า คาดว่าคนร้ายคงเป็นคนในพื้นที่ที่รู้ความเคลื่อนไหวของตนดี นอกจากของตนแล้วชาวบ้านที่ปลูกพริกในพื้นที่เกือบทุกร้ายก็โดนเหมือนกัน จนต้องมานอนเฝ้า หากเจ้าของสวนไหนไม่ได้เฝ้าคนร้ายก็จะขโมยหมดไม่เหลือ อยากฝากถึงคนร้ายเห็นใจคนปลูกบ้าง กว่าจะไดมาขนาดนี้ต้องลงทุนทั้งแรงและเงิน เช่นเดียวกับนายดลอาซีด ทุมมาลี ชาวบ้านในพื้นที่ปลูกพริกไว้ในร่องสวนปาล์ม 1,300 ต้น กำลังให้ผลผลิตต้องยกครอบครัวทั้งเมียและลูกมาเฝ้าในสวนเนื่องจากกลัวว่าจะมีคนร้ายมาขโมยเพราะเพื่อนบ้านทุกคนโดนกันหมด ด้านนายมูฮัมหมัด แซะหมูด ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า ปัญหาโจรขโมยผลผลิตทางการเกษตรมีทุกปี เนื่องจากปัญหาคนว่างงานและปัญหายาเสพติด