ศรัณย์ วิชัย

วันที่ 27 มีนาคม 2568 นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ สั่งการให้ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามส่วนกลาง และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทภ.8 (เขาเย็น) ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ขณะเจ้าหน้าที่เดินลาดตระเวนถึงบริเวณ ป่าพัสดุกลาง หมู่ 5 ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดประทัดหลายครั้ง จึงวางกำลังซุ่มตรวจสอบ และพบชาย 3 คนอยู่บริเวณดังกล่าว เมื่อกลุ่มชายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ ต่างพากันวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า ทิ้งข้าวของไว้ เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตาม แต่เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าภูเขาสูง ทำให้หลบหนีไปได้ 2 ราย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชาย 1 รายไว้ได้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ต้องหาคือ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เชื้อชาติกระเหรี่ยง ไม่มีที่อยู่แน่ชัด ให้การว่าตนเดินทางเข้าพื้นที่ป่าตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม

วันที่ 20 มีนาคม 2568 พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ทล.6 กก.2บก.ทล.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ออกตรวจบนถนนสาย 3268 หมู่ 4 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และพบรถยนต์ โตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กาญจนบุรี ขับขี่ด้วยท่าทีมีพิรุธและใช้ความเร็วสูง จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบจากการตรวจค้น พบว่า นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับขี่ พร้อมด้วยผู้โดยสารอีก 6 ราย ซึ่งเป็นชาวเมียนมาทั้งหมด โดยไม่มีเอกสารแสดงตนถูกต้อง จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่ สภ.เมืองกาญจนบุรีสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่า นายเอ รับจ้างขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทยเพื่อไปทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยได้รับค่าจ้างหัวละ 5,000 บาท และทำมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง ขณะที่แรงงานเมียนมาส่วนใหญ่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านเส้นทางธรรมชาติบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ โดยจ่ายค่านายหน้าตั้งแต่ 21,000 – 28,000 บาท

วันที่ 19 มี.ค.68 พลตรี อัษฎาวุธ  ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลหารราบที่ 9 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ บูรณาการร่วมกับ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ ว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายจากพื้นที่ชายแดนกาญจนบุรี บริเวณ ปากน้ำรันตี จึงได้สั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์  เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พันเอก ปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ นำกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ร่วมกับ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134, สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี และฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ ปากน้ำรันตี หมู่ 2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ต่อมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจทางน้ำบริเวณพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง สังเกตพบเรือหางยาว จำนวน 1 ลำ บรรทุกสิ่งของต้องสงสัย

วันที่ 18 มี.ค.68 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลิ่นถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนว่าพบร่างผู้เสียชีวิตภายในบ้านร้างพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สภาพศพเริ่มแห้ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสมาคมคุณธรรม รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายในบ้านพบศพชายอายุประมาณ 40-50 ปี นอนหงายอยู่บนพื้นบ้าน ข้างตัวพบขวดเหล้าและขวดน้ำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าบ้าน โดยมีกุญแจเสียบคาไว้ จากการสอบถามผู้พบศพ เล่าว่าขณะเดินทางกลับบ้านที่ดงโคร่ง เกิดปวดถ่ายกะทันหัน จึงแวะเข้าไปยังบ้านร้างดังกล่าว แต่กลับได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ จึงเดินตามกลิ่นไปจนพบร่างผู้เสียชีวิต รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี เบื้องต้น ตำรวจลิ่นถิ่นได้ประสานแพทย์เวรเข้าตรวจสอบและชันสูตรพลิกศพ ก่อนนำร่างส่งโรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อรอญาติมายืนยันตัวตนและรับศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา.

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดสิงห์ทอง รับแจ้งว่ามีพระภิกษุผูกคอเสียชีวิตภายวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สิงห์ อ.ไทรโยก จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้รับประสานเจ้าหน้าตำรวจ สภ.ไทรโยก พร้อมด้วยแพทย์เวร เข้าทำการชันสูตรพลิกศพ ที่เกิดเหตุพบร่างของพระภิกษุ อายุ 50 ปี นอนราบอยู่บนพื้นติดกับลูกกรงหน้าต่างภายในกุฎิ ซึ่งก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง ชาวบ้านได้พยายามช่วยชีวิตโดยการนำร่างของพระภิกษุรูปดังกล่าวลงมา ที่บริเวณลูกกรงหน้าต่างพบว่าพระภิกษุรูปดังกล่าวได้ใช้ประคดหรือสายรัดเอวผูกคอตัวเอง จากการสอบถามเบื้องคาดว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวหลายโรครุมเร้า น่าจะเป็นสาเหตุให้พระภิกษุรูปดังกล่าวเกิดความเครียด จนลงมือก่อเหตุผูกคอตนเองจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.