อัมพร แสงแก้ว

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 นายนายพัชรพัชร์ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอ ได้รับร้องเรียนจากประชาชน หลังพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแผงลอยขายริมถนนอย่างโจ๋งครึ่มจึงได้มีคำสั่งหให้นายณฐาภพ ยมจินดา ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และ นายธฤต จันทร์จรูญ ปลัดอำเภอ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความั่นคง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.บางละมุง เจ้าหน้าที่ ราชสีห์พิทักษ์ราษฎร์ ออกตรวจตามที่มีการร้องเรียนโดยประสารไปยังเจ้าหน้าตำรวจพัทยาเพื่อขอกำลัง เข้าสนับสนุนในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ จุดที่ 1 บริเวณซอยร้อยหลังถนนพัทยา-นาเกลือพบว่ามีการตั้งแผงลอยวางบุหรี่ไฟฟ้าจำหน่ายเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมเป็นผู้ต้องหา 2 รายทราบชื่อนายดุลยวัต สุดคง อายุ 22 ปี และนายพิพัฒน์ แสนคำ อายุ 21 ปี จุดที่ 2 บริเวณชอย 6 ถนนเลียบชาดหาพบว่า ตั้งขายบุหรี่ไฟฟ้าในลักษณะเดียวกันก่อนแสดงตัวจับกุมเป็นผู้ต้องหา 1รายน.ส.ณัฐธิดา ทรัพย์เจริญ อายุ 28 ปี จุดที่ 3 บริเวณปากซอย 7 ถนนเลียบชายหาดตั้งแผงลอยขายริมทางชึ่งจุดนี้มีนักท่องเที่ยว เดินสวนกันไปมาเป็นจำนวนมากโดยจุดดังกล่าวห่างจากโรงพักเมืองพัทยาเพียง

เมื่อเวลา 03.36 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ได้ควบคุมตัวนายแจ็ค (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี หลังก่อเหตุพยายาม โจรกรรมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน เหตุเกิดภายใน ซอยพระตำหนัก 4 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่ พลเมืองดี เห็นเข้าจึง ควบคุมตัว ไว้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัว ซึ่ง ผู้ก่อเหตุให้การยอมรับว่าก่อเหตุจริง ทั้งยังยอมรับอีกว่า ตนเองได้ขี่จักรยานออกตระเวนขโมยรถ และได้โจรกรรมรถจักรยานยนต์ สำเร็จไปแล้ว 2 คัน แล้วนำไปจอดซุกซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้พาตัวไปเอารถของกลางที่ถูกโจรกรรมไปมาไว้เป็นหลักฐาน เมื่อไปถึงบริเวณ ซอยพระตำหนัก 4 ใกล้หาดยินยอม ก็พบรถ จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ไอสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อเวฟ 100 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน

เมื่อเวลา 02.46 น.วันที่15 กุมภาพันธ์ 2568 MR.BEN. (สมมุติ )อายุ 56 ปี สัญชาติ ตุรกี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ณเรศน์ พุ่มสุข รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังถูกคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ ภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุตัวเองเจอผู้หญิงรูปร่างหน้าตาตรงสเป็คที่ชายหาดพัทยา จึงตกลงราคาค่าบริการแล้วพามาที่ห้องพัก ต่อมาเมื่อถึงห้องพักตนเองได้ให้ผู้หญิงคนดังกล่าว รออยู่ในห้องนอน ส่วนตนเองเข้าไปอาบน้ำ ผ่านไปไม่นานตัวเองออกมาจากห้องน้ำ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นดังกล่าว ไม่ได้อยู่ภายในห้องแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ปฎิบัติภารกิจกันแต่อย่างใด ตนเองพยายามโทรหาอยู่หลายสายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าเงินสดจำนวน 4,000 บาท และนามสกุลต่างประเทศจำนวน 600 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยรวมแล้วประมาณ 25,000 บาท ได้สูญหายไป จึงมั่นใจว่าถูกสาวงามขโมยไปแน่นอนจึงรีบเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว   เบื้องต้นร.ต.อ.ณเรศน์ พุ่มสุข รอง สว.สอบสวน สภ. เมืองพัทยา ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หากระแส ของคนร้าย

    กล้องวงจรปิดจับภาพชัด คู่ผัวเมียก่อเหตุลักโทรศัพท์มือถือของพนักงานปั๊มน้ำมันกลางวันแสกๆ โดยทำทีเข้ามาเติมน้ำมันเพียง 30 บาท ก่อนฉวยจังหวะที่พนักงานเดินไปทอนเงิน ขโมยโทรศัพท์แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา นางภรธนา วงค์ศรี อายุ 49 ปี พนักงานปั๊มน้ำมัน ผู้เสียหาย เล่าว่า ขณะเข้ากะทำงานและกำลังจะสแกนนิ้วเข้างาน ปรากฏว่าไม่สามารถสแกนได้ จึงนำโทรศัพท์วางไว้บนแพ็คน้ำดื่ม ก่อนจะหันไปเติมน้ำมันให้ลูกค้า ซึ่งเป็นชายหญิงลักษณะคล้ายคู่สามีภรรยา ผู้ชายสวมเสื้อสีแดง กางเกงขาสั้น ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขายาว ใส่หมวกปิดบังใบหน้าและสวมผ้าปิดปาก ได้เข้ามาเติมน้ำมัน E20 จำนวน 30 บาท พร้อมยื่นเงินให้ 40 บาท พนักงานจึงเดินไปหยิบเงินทอน ระหว่างนั้นฝ่ายหญิงอาศัยจังหวะที่พนักงานเผลอ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนแพ็คน้ำดื่ม แล้วรีบซ้อนรถจักรยานยนต์ของฝ่ายชายออกจากปั๊มไป หลังจากนั้นไม่นาน นางภรธนา พบว่าโทรศัพท์หายไป จึงให้เพื่อนร่วมงานช่วยโทรเข้าเครื่อง ปรากฏว่าโทรศัพท์ถูกปิดเครื่องไปแล้ว สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากเป็นโทรศัพท์เครื่องเดียวที่ใช้ติดต่อกับญาติและส่งงานให้หัวหน้า อีกทั้งเพิ่งซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงในราคา ประมาณ 2,000-3,000 บาท และใช้งานได้เพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ก็ถูกขโมยไป