แบงค์ชาติอีสานชี้ แนวโน้มเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 1 ปี 2568คาดว่าหดตัว จากแรงส่งของมาตรการเงินโอนภาครัฐที่ลดลง

วันนี้ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ขยายตัว จากการบริโภคภาคเอกชนและภาคบริการท่องเที่ยว พบว่าเศรษฐกิจขยายตัวจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการบริโภคภาคเอกชนที่ทรงตัว และภาคบริการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
\"\"
\"\"
 รายได้เกษตรกร
รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคายางพาราและข้าวเปลือกที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากอุทกภัยในภาคใต้ที่กระทบต่อผลผลิต และความต้องการจากต่างประเทศและโรงสีในประเทศที่ทยอยรับซื้อข้าวเพื่อเก็บเป็นข้าวเก่า ขณะที่ผลผลิตอ้อยและยางพาราเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก
ภาคอุตสาหกรรม
ภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัว โดยเฉพาะการผลิตน้ำตาลทรายลดลงหลังจากเร่งผลิตในไตรมาสก่อน แม้ว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ขณะที่การผลิตยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้นตามความต้องการจากจีนที่ยังขยายตัวดีในภาคการผลิตยางล้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ภาคบริการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ สืบเนื่องจากกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว รวมถึงสภาพอากาศที่หนาวเย็นต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารขาเข้าผ่านท่าอากาศยานและอัตราการเข้าพักแรมเพิ่มขึ้น
 การบริโภคภาคเอกชน
ขยายตัวต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐและรายได้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้การใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและหมวดรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทน เช่น รถยนต์นั่งและรถกระบะ ยังคงหดตัวจากข้อจำกัดด้านคุณสมบัติผู้กู้และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
การลงทุนภาคเอกชน
กลับมาขยายตัว ตามการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายภายในประเทศ เช่นเดียวกับการลงทุนด้านก่อสร้างที่ขยายตัวจากยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ และการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยหดตัวต่อเนื่อง
การค้าผ่านด่านศุลกากร
หดตัวต่อเนื่อง โดยการนำเข้าลดลงจากจีนในหมวดเคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รวมถึงการนำเข้าจากกัมพูชาที่ลดลงในหมวดมันสำปะหลัง ด้านการส่งออกทรงตัว โดยการส่งออกไปจีนหดตัวในสินค้าทุเรียนที่ผลผลิตทยอยหมดลง ขณะที่การส่งออกไป สปป.ลาว และเวียดนามขยายตัวในหมวดปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และอาหารสัตว์
อัตราเงินเฟ้อ
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
ตลาดแรงงาน
ทรงตัว โดยการจ้างงานภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่การจ้างงานภาคการค้าและภาครัฐลดลงหลังจากมีการเร่งจ้างงานไปก่อนหน้า
\"\"
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 1 ปี 2568คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว จากแรงส่งของมาตรการเงินโอนภาครัฐที่ลดลง แม้ว่ารายได้เกษตรกรยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่แรงกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง เนื่องจากกำลังซื้อที่ยังเปราะบางและภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ภาคบริการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น