สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.68 เวลา 13.20 น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดสวมหมวกแก๊ปสีดำ เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ เข้าไปลักเอากีตาร์จำนวน 1 ตัว ภายในบ้านพักของผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่หมู่บ้าน กันยารัตน์ เดอะ วินเทจ เลขที่ 190/4 ม.3 หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นั้น

หลังได้รับรายงาน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ออกสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร่งด่วนชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์และตำหนิรูปพรรณคนร้ายดังกล่าวข้างต้นได้อย่างชัดเจน จึงได้ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และได้นำภาพคนร้ายที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ ออกประกาศสืบหาตัวคนร้ายเรื่อยมา

กระทั่งต่อมาเมื่อวันนี้ (22 พ.ค. 68) เวลาประมาณ 14.00 น. ชุดสืบสวนฯได้รับแจ้งจากสายลับว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวคือ นายศุภมิตรฯ อายุ 35 ปี พักอาศัยอยู่บริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ ริมสระน้ำถนนโพธิสาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น จึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายศุภมิตรฯ อยู่บริเวณหน้าเพิงพักที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบถามนายศุภมิตรฯ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด และเป็นคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุตามวันและเวลาดังกล่าวจริง จากนั้นได้สมัครใจนำเจ้าหน้าที่ฯเข้าตรวจค้นบริเวณเพิงพักดังกล่าว จากการตรวจค้นพบสิ่งของที่เชื่อว่าได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดประกอบด้วย
1.กีตาร์โปร่งสีน้ำตาล จำนวน 1 ตัว2
.หมวกแก๊ป สีดำ จำนวน 1 ใบ
3.เสื้อยืดแขนสั้น สีกรม มีตราสัญลักษณ์ “วอริก” จำนวน 1 ตัว
4.กางเกงยีนส์ขายาว สีดำเทา จำนวน 1 ตัว5.กระเป๋าสะพายข้าง สีดำลายจุดสีขาว จำนวน 1 ใบ6.ผงปรุงรส ตรา “คนอร์” สีเขียว จำนวน 1 ถุง7.ซองพลาสติกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา “ยำยำ” สีส้ม จำนวน 1 ซอง


จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าวพบว่าผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี และมีพฤติการณ์จะหลบหนี โดยผู้ต้องหา เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งหลบหนี และพักอาศัยอยู่เพิงพักลักษณะที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง โดยหากปล่อยให้เนิ่นนานล่าช้ากว่าจะขออนุมัติหมายจับจากศาลมาได้ ผู้ต้องหาทั้งสองอาจหลบหนีไปก่อนและยากแก่การติดตามจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง โดยกล่าวหาว่า ““ลักทรัพย์ในเคหสถาน หรือรับของโจร” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


