สืบเนื่องจากระหว่างวันที่ 21 ก.พ. – 23 เม.ย. 68 ได้มีคนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าของบ้านไม่ได้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน ได้งัดแงะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น อาวุธปืนขนาด.22, เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 2 ชิ้น, เงินสด จำนวน 3000 บาท, เหรียญที่ระลึก และพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง เหตุเกิดบ้านเลขที่ 99/40 หมู่บ้านพิมานชน 2 เฟส 2 ซอย 14 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น

หลังได้รับรายงาน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ทำการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจที่เกิดเหตุพบคนร้ายมีการงัดแงะเข้าไปก่อเหตุ จึงได้ประสานพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอแฝงในที่เกิดเหตุไว้แล้ว จากนั้นได้ทำการสืบสวนเรื่อยมา กระทั่งทราบจากร้านพระเครื่องที่ตั้งอยู่บริเวณตลาดพระเครื่องริมบึงแก่นนคร ว่ามีชายไทยอายุประมาณ 34-50 ปี นำเหรียญเครื่องราชย์มาเสนอขาย แต่ทางเจ้าของร้านสงสัยว่ามีลักษณะตรงกับตำหนิรูปพรรณทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานความร่วมมือไว้ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แกะรอยสืบสวนจากร้านพระเครื่องดังกล่าว กับตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว

กระทั่งต่อเมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสืบสวนเรื่อยมากระทั่งทราบว่าบุคคลที่นำเครื่องราชย์ไปเสนอขายนั้น คือนายอำพรฯ อายุ 49 ปี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายอำพรฯ พักอาศัยอยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น โดยนายอำพรฯ ยินยอมและเป็นผู้นำการตรวจค้น จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินที่นายอำพรฯ เก็บไว้หลายรายการ อาทิ ธนบัตรไทยและต่างประเทศ เหรียญที่ระลึก เหรียญเครื่องราชย์ พระเครื่อง และนาฬิกา จำนวนหลายรายการ

ซึ่งจากการตรวจสอบผู้เสียหายยืนยันว่าทรัพย์สินที่ตรวจพบประกอบด้วยธนบัตรต่างประเทศ เหรียญเครื่องราชย์ และเหรียญที่ระลึกเป็นของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปตามวันและเวลาเกิดเหตุ

จากการสอบถามนายอำพรฯ ให้การว่าเก็บทรัพย์สินเหล่านี้ได้จากกองขยะใกล้บ้านพักมาเมื่อประมาณปีกว่าแล้ว และไม่ได้ไปลักเอาทรัพย์สินของคนอื่นแต่อย่างใด แต่รับว่าเสพยาบ้ามาก่อนจริง

จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าวว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี และมีพฤติการณ์จะหลบหนี โดยหากปล่อยให้เนิ่นนานล่าช้ากว่าจะขออนุมัติหมายจับจากศาลมาได้ ผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปก่อนและยากแก่การติดตามจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือรับของโจร,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(แมทเอมแฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป