ในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤตพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง หลายประเทศต่างเร่งค้นหาทางเลือกพลังงานที่สะอาด มั่นคง และยั่งยืน ล่าสุด ประเทศแคนาดาได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ ด้วยการเริ่มต้นก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ Small Modular Reactor (SMR) เชิงพาณิชย์แห่งแรกในทวีปอเมริกาเหนือและกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในระดับสากล
โครงการ SMR นี้ ตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดาร์ลิงตัน ในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ดำเนินการโดยบริษัท Ontario Power Generation (OPG) ซึ่งเลือกใช้เทคโนโลยี BWRX-300 ของบริษัท GE Vernova Hitachi Nuclear Energy (GVH) โดยมีแผนจะก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวนทั้งสิ้น 4 เครื่อง กำลังการผลิตเครื่องละ 300 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังผลิตทั้งหมด 1,200 เมกะวัตต์ เพียงพอต่อการจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนกว่า 1.2 ล้านหลังคาเรือน คาดว่าเครื่องที่ 1 จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องได้ภายในปี 2573
นอกจากศักยภาพด้านพลังงานแล้ว โครงการนี้ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะสร้างงานใหม่กว่า 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการจ้างงานทักษะสูงกว่า 3,700 ตำแหน่งตลอดอายุการดำเนินงานของโรงไฟฟ้ากว่า 60 ปี ทั้งนี้ ยังมีการประเมินว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศกว่า 38.5 พันล้านดอลลาร์แคนาดา โดยมีสัดส่วนงบลงทุนหมุนเวียนภายในรัฐออนแทรีโอถึง 80%
นายสตีฟ เลชเช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของรัฐออนแทรีโอ กล่าวว่า ภายในปี 2593 ความต้องการใช้พลังงานของแคนาดาจะเพิ่มขึ้นถึง 75% หากไม่เร่งเตรียมระบบไฟฟ้าให้พร้อมรองรับ อาจเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ SMR จึงถือเป็นการวางรากฐานที่สำคัญของระบบพลังงานแห่งอนาคต
ความเคลื่อนไหวของแคนาดาในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความจริงจังของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำในการมุ่งสู่พลังงานสะอาด แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสำหรับประเทศไทย ซึ่งกำลังแสวงหาแนวทางพัฒนาระบบพลังงานที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางไฟฟ้า ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย Net Zero Emissions โดยมีการบรรจุโครงการ SMR ขนาดกำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง ไว้ในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024)
สำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ได้สั่งสมประสบการณ์ศึกษาเทคโนโลยีนิวเคลียร์มายาวนานกว่า 20 ปี มีการติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี SMR จากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้เป็นผู้แทนประเทศเข้าร่วมประชุมกับเครือข่ายนานาชาติ เช่น ออสเตรีย ฝรั่งเศส เกาหลี และจีน เพื่อร่วมหารือแนวทางการพัฒนาเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้วยความพร้อมในทุกมิติ กฟผ. จึงมีศักยภาพที่จะร่วมเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเสริมสร้างระบบพลังงานที่มั่นคง ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงสำหรับประเทศในระยะยาว