เกือบ 3 ปี ของการบังคับใช้ และ 6 ปีของการประกาศกฎหมาย PDPA ยังมีคนและหน่วยงานรัฐที่เข้าใจเรื่อง PDPA คลาดเคลื่อน เลยนั่งเขียนบทความยาวๆ ให้อ่านกัน
ปัญหาผู้ทิ้งงานหน่วยงานรัฐ กับการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ออกหนังสือเวียนให้ลบรายชื่อผู้ทิ้งงานจากเว็บไซต์
การว่าจ้างทั่วไป ผู้ทิ้งงาน คือ ผู้ที่ไม่รับผิดชอบต่องานที่ตัวเองได้รับจ้างไว้ ซึ่งทำให้ผู้ว่าจ้างเสียหาย ผู้ว่าจ้างมีสิทธิฟ้องร้องตามสัญญาจ้าง และผู้ทิ้งงานต้องรับผิดชอบต่อการทิ้งงานที่เกิดขึ้น กรณีหากเป็นเอกชน ก็เป็นเรื่องของเอกชนว่ากันไป ผู้รับจ้างจะมีพฤติกรรมทิ้งงานเป็นปกติ หรือไม่ ผู้ว่าจ้างต้องตรวจสอบเอง
กรณีที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้ว่าจ้าง เงินที่จ้างเป็นภาษีของประชาชาชน การที่ผู้รับจ้างทิ้งงานทำให้รัฐเสียหาย แปลว่าทำให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินเสียหายด้วย และเนื่องจากหน่วยงานรัฐมีจำนวนมาก กรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาพรวม จึงมีการทำหนังสือเวียนและระบบกลางให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ ทราบว่าผู้รับจ้างได้ทิ้งงาน เพื่อไม่ให้มีการจ้างผู้รับจ้างรายนี้ไปรับจ้างหน่วยงานรัฐอื่นๆ ต่อได้
การทิ้งงานของผู้รับจ้างจากหน่วยงานรัฐ มีหลายเหตุผล เช่น อยากได้งาน เลยทำราคาต่ำ เพราะรัฐเอาเกณฑ์ราคาต่ำ พอถึงเวลาทำไม่ได้ หรืออยากได้งาน แต่ไม่เคยทำ เลยประเมินการทำงานผิดพลาด หรือได้งานแล้วมีสถานการณ์เปลี่ยน เช่นต้นทุนแพงขึ้น ทำต่อไม่ได้ หรือ เจอปัญหากระแสเงินสดทั้งจากการบริหารของตนเองหรือรัฐจ่ายช้า ฯลฯ
เมื่อมีการทิ้งงานเกิดขึ้น ต้องแจ้งไปยังส่วนกลางของการจัดซื้อจัดจ้างภาพรัฐ คือกรมบัญชีกลาง เพราะหน่วยงานที่จ้างงานไม่ได้งานตามที่ตกลงกัน แปลว่าหน่วยงานที่จ้าง อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม หรือต้องจ้างใหม่ ดังนั้นต้องมีเหตุผลไปชี้แจ้งกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ (อ่านรายละเอียด แนวทางการแจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงานตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109)
อดีตการทำหนังสือเวียนผู้ทิ้งงานต้องแจ้งเป็นเอกสารกรณีเป็นนิติบุคคล พร้อมที่อยู่ ต้องรวมข้อมูลของกรรมการผู้มีอำนาจด้วย เพราะกรรมการเป็นผู้รับชอบแทนนิติบุคคล และที่ต้องมีเลขที่บัตรประชาชน เพราะไม่เช่นนั้นกรรมการไปจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ได้ กรณีเป็นบุคคลธรรมดานอกจากชื่อ สกุลแล้ว ต้องมีเลขบัตรประชาชน พร้อมที่อยู่
(ภาพตัวอย่างหนังสือเวียนผู้ที่ทิ้งงานภาพที่ 1)
พอเทคโนโลยีสะดวก และง่ายขึ้น การตรวจสอบว่ามีใครทิ้งงานบ้างก็ง่ายขึ้น กรมบัญชีกลาง ก็ทำระบบให้หน่วยงานต่างๆ ไปตรวจสอบได้
(ภาพตัวอย่างเว็บไซต์ตรวจสอบผู้ทิ้งงาน 2)
เมื่อผู้ทิ้งงานถูกลงโทษไปแล้ว เมื่อถึงเวลาหนึ่งหน่วยงานก็จะมีการเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน ก็จะมีการออกหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้ทราบ ทำให้นิติบุคคลหรือบุคคลนั้นกับการรับจ้างหน่วยงานรัฐได้อีกครั้ง โชคดีว่าตอนนี้มีประกาศให้หน่วยงานรัฐใช้ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ( email ) ทำให้การส่งเอกสารต่างๆ รวดเร็วและมีต้นทุนน้อยลง
(ภาพตัวอย่างหนังสือเวียนผู้ที่ถูกเพิกถอนการทิ้งงาน)
ปัจจุบันหน่วยงานรัฐยังมีนำหนังสือเวียนประกาศรายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ที่ถูกเพิกถอนอยู่บนเว็บไซต์ของหลายๆ หน่วยงาน หากสนใจอยากรู้ลองเข้า google ผู้ทิ้งงาน กรมบัญชีกลาง คลังจังหวัด
สำหรับกรณีที่เป็นข่าวกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นในสื่อตอนนี้ ผมเห็นข่าวนี้ในช่วงก่อนสงกรานต์ จากเว็บไซต์ผู้จัดการ 4 เมษายน 2568
ตามด้วย คุณมานะ นิมิตรมงคล ได้โพสต์เมื่อ 20 พฤษภาคม 2568 ไว้
ในฐานะที่ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นที่ปรึกษาและวิทยากรให้หน่วยงานรัฐ ผมมีข้อสังเกตดังนี้
ประเด็นที่ 1 หนังสือเวียนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีต้นเรื่องมาจาก คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานแจ้งว่ามีผู้ประกอบการได้ขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนรายชื่อเป็นผู้ทิ้งงานซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ แต่จากการตรวจสอบยังปรากฏรายชื่อและข้อมูลของผู้ประกอบการจากเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นลบข้อมูลดังกล่าวหรือดำเนินการตามที่เห็นสมควรต่อไป
(ภาพหนังสือเวียนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น)
จะเห็นว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจาณณาผู้ทิ้งงานไม่มีการอ้างอิงข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างไร
ประเด็นที่ 2 การอ้างเรื่อง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ถูกต้องหรือไม่
ข้อเท็จจริงคือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องดู พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ก่อนว่าประกาศและหนังสือเวียนเรื่องการเป็นผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนมีรายชื่อเป็นผู้ทิ้งงานนั้น เป็นข้อมูลข่าวสารของราชการหรือไม่ หากเป็นต้องเปิดเผยตามมาตรา 7 หรือ 9 หรือ 11 หรือไม่ หากเข้าข่าย ทาง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการตาม พรบ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2562 ก่อน พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าประกาศและหนังสือเวียนเรื่องการเป็นผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนการมีรายชื่อเป็นผู้ทิ้งงานนั้นเข้าข่ายเอกสารที่เป็นข้อมูลข่าวสารของราชการจึงสามารถที่จะเปิดเผยได้ตาม มาตรา 9
ซึ่งหน่วยงานรัฐส่วนใหญ่จะสับสนเรื่องการ พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
กรณีที่กรมการปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานรัฐ แล้วอ้าง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ห้ามมีให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้ โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 หรือ มาตรา 26 และวรรคสอง ไม่ถูกต้อง เพราะ นอกจาก พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่ให้เปิดเผยได้แล้ว ในมาตรา มาตรา 24 (4) ของ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ยังกำหนดให้หน่วยงานรัฐสามารถใช้หลักเพื่อประโยชน์สาธารณะในการดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องขอความยินยอม ดังนี้ “เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล”
แต่ข้อยกเว้นให้หน่วยงานรัฐดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนตามมาตรา 24 (4) มีหลายเงื่อนไข และองค์ประกอบ ซึ่งต้องถูกกฎหมาย มีความชอบธรรม มีความจำเป็นและความพอดี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้หน่วยงานรัฐใช้อำนาจเกินขอบเขตด้วย
ประเด็นที่ 3 ควรเอารายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ถูกเพิกถอนการทิ้งงานออกจากเว็บไซต์หรือไม่
ผมในฐานะที่ทำงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เห็นว่าสิ่งที่ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น “ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบและสบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงานออกจากเว็บไซต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เป็นเรื่องที่ชอบแล้วด้วยเหตุผล เพราะ
1. ปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐสามารถตรวจสอบผู้ทิ้งงานได้จากระบบจัดซื้อจัดจ้างได้อยู่แล้ว
2. การประกาศรายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ที่ถูกเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงานบนเว็บไซต์ จึงไม่จำเป็นต่อหน่วยงานรัฐอีกต่อไป
3. การประกาศรายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ที่ถูกเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงานบนเว็บไซต์ จะมีประโยคต่อสาธารณะบนเว็บไซต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์นัก เพราะหน่วยงานมีจำนวนมาก แต่ละหน่วยงานโพสต์แต่รายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ที่ถูกเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้าง
4. กรณีที่ต้องการให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานได้ การเผยแพร่รายชื่อผู้ทิ้งงาน และผู้ที่ถูกเพิกถอนรายชื่อผู้ถูกทิ้งงาน หน่วยงานสามารถเปิดข้อมูลจำกัดบ้างส่วนได้ เช่นกรณีนิติบุคคล เปิดเผยเพียงแค่ชื่อนิติบุคคล กับรายชื่อกรรมการผู้มีอำนาจ และกรณีที่บุคคล ให้เปิดเผยชื่อเท่านั้น
5. ประเด็นที่สำคัญหากตัดสินใจดำเนินการตามข้อ 4 สิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องตระหนักคือ ข้อมูลบนเว็บไซต์ หากไม่มีการลบ จะอยู่บนเว็บไซต์ตลอดไป และแม้ว่าลบแล้ว อาจจะสามารถค้นหาพบได้บนระบบสืบค้นข้อความหรือเว็บไซต์ออนไลน์ และในอนาคตอาจจะสืบค้นได้จาก ระบบของ AI
6. ประเด็นหากดำเนินการตามข้อ 3 คือ ไม่เปิดเผยบนเว็บไซต์ ทางหน่วยงานรัฐยังสามารถให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ที่หน่วยงานรัฐนั้นๆ ตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ ตามมาตรา 9
สุดท้ายของขายของ สำหรับองค์กรและผู้ที่สนใจเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ต้องการศึกษาเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนเพิ่มเติม หรือต้องการที่ปรึกษา หรือวิทยากรฝึกอบรม สามารถดูได้ที่ www.pdpathailand.com
ที่มา : Dome Udomtipok Phaikaset