ไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อน.. เป็นพลังงานสะอาดอีกประเภทที่ประเทศไทยใช้ประโยชน์มายาวนาน ไม่เพียงเขื่อนขนาดใหญ่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่านั้นที่ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ แต่ปัจจุบัน กฟผ. และกรมชลประทาน ได้จับมือกันพัฒนาให้เขื่อนของกรมชลประทานสามารถผลิตไฟฟ้า พลังน้ำด้วย เพื่อร่วมผลักดันส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่เพียงแค่เป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนในพื้นที่อีกด้วย
พลังงานสะอาดจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้า ใช้พลังงานจากน้ำในเขื่อนมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง เป็นไฟฟ้าที่สะอาดและยั่งยืน เพราะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าบริเวณท้ายเขื่อนของกรมชลประทานที่มีอยู่แล้ว และจะผลิตไฟฟ้าต่อเมื่อกรมชลประทานระบายน้ำลงสู่ท้ายน้ำเพื่อประโยชน์ด้านการเกษตรตามแผนการปล่อยน้ำตามปกติของกรมชลประทาน โดยไม่มีผลกระทบต่อการใช้น้ำของประชาชน ชุมชนทั้งเหนือน้ำและท้ายน้ำ เป็นการใช้ทรัพยากรน้ำที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีราคาผันผวนและมีปริมาณจำกัด ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้า เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero greenhouse gas emission) ภายในปี ค.ศ. 2065
สนับสนุนการซื้อขาย REC และลดคาร์บอน มุ่งสู่ความยั่งยืน
หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคือการมีส่วนร่วมในตลาดการซื้อขายใบรับรองพลังงานสะอาด (Renewable Energy Certificates: REC) ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรม โดยการซื้อขาย REC จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับภาคธุรกิจที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอน โดยการซื้อพลังงานจากแหล่งที่ใช้พลังงานสะอาด ทำให้สามารถยื่นขอรับใบรับรอง REC เพื่อยืนยันว่าพลังงานไฟฟ้าที่ได้มานั้นผลิตมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดย REC สามารถนำไปขายให้กับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชน
โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อชุมชนโดยตรง การพัฒนาโรงไฟฟ้ายังช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงการก่อสร้างโครงการ มีการจ้างงานในท้องถิ่น ทำให้คนในชุมชนมีโอกาสทำงานใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปหางานในเมืองใหญ่ นอกจากนี้ ชุมชนยังสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง ผ่านกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีรายได้จากการขายไฟฟ้า เป็นแหล่งทุนที่ใช้ในการสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่ การส่งเสริมการศึกษา การพัฒนาสาธารณูปโภค การฝึกอบรมทักษะต่างๆ และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ช่วยให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิต และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำไม่เพียงแค่เป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาด แต่ยังเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า
กฟผ. และกรมชลประทานได้ร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำตั้งแต่ปี 2550 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 10 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนแม่กลอง เขื่อนนเรศวร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนคลองตรอน และเขื่อนผาจุก มีกำลังผลิตรวม 101.95 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 4 โครงการ ได้แก่ เขื่อนลำตะคอง ขนาดกำลังผลิต 1.5 เมกะวัตต์ เขื่อนลำปาว ขนาดกำลังผลิต 2.5 เมกะวัตต์ เขื่อนห้วยแม่ท้อ ขนาดกำลังผลิต 1.25 เมกะวัตต์ และเขื่อนกระเสียว ขนาดกำลังผลิต 1.5 เมกะวัตต์
โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและเป็นส่วนสำคัญในการซื้อขาย REC แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านพลังงานสะอาด แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนในระยะยาว โครงการฯ แต่ละแห่งอาจมีกำลังผลิตไม่มาก อาจมองว่าเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่เมื่อรวมกันทั้งประเทศก็เป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน สร้างพลังงานที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับลูกหลานของเราในอนาคต