บำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอย่างไรให้อยู่หมัด เพื่อไฟฟ้าไทยไร้สะดุด

           ในแต่ละวัน เราใช้ไฟฟ้าในการดำเนินชีวิตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทันได้สังเกตว่า โรงไฟฟ้าต้องผลิตไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดพัก เพื่อให้ทุกวินาทีที่มีค่าของทุกๆ คนขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่น แต่หนึ่งในเบื้องหลังของความต่อเนื่องนี้คือ “การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ” ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดูแลเพื่อให้ระบบไฟฟ้าของไทยมั่นคง ไร้สะดุด

\"\"

           \”ซ่อมก่อนเสีย\” ย่อมดีกว่า “ซ่อมเมื่อเสีย”

           โรงไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 25-30 ปี ซึ่งตลอดช่วงเวลาของอายุโรงไฟฟ้า เครื่องจักร อุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ต้องเผชิญกับภาระการทำงานที่ต่อเนื่องในทุก ๆ วัน หากไม่มีการบำรุงรักษาที่ดี อุปกรณ์อาจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง หรือแย่ที่สุดก็คือ อาจเกิดเหตุขัดข้องและลุกลามจนเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง

\"\"

           ในอดีตยุคสมัยที่กำลังการผลิตไฟฟ้ามีจำกัด การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแต่ละครั้งย่อมหมายถึงประชาชนได้รับผลกระทบมีไฟฟ้าใช้ไม่เพียงพอ เราจึงดูแลโรงไฟฟ้าเมื่อยามเจ็บป่วย หมายความว่า เมื่อป่วยแล้วถึงจะมาช่วยกันบำรุงรักษาให้หายป่วย ถ้าป่วยไม่มาก ก็หยุดพักเพียงแค่ชั่วคราว แต่ถ้าป่วยหนักก็จำเป็นที่จะต้องหยุดพักหรือหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเป็นเวลานาน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ

           แต่ปัจจุบันการบำรุงรักษา ได้ปรับเปลี่ยนเป็นระบบมากขึ้น โดยแบ่งเป็นการบำรุงรักษาเชิงแก้ไข (Corrective Maintenance) คือ “ซ่อมเมื่อเสีย” และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน คือ “ซ่อมก่อนเสีย” โดยจะเน้นการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เพื่อช่วยให้สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ ทำให้ลดการหยุดทำงานของเครื่องจักรและยืดอายุการใช้งานได้ ซึ่งจะมีการวางแผนตรวจสอบและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าเป็นประจำทุกปี ทุก 2 ปี หรือตามวาระที่กำหนด โดยไม่รอให้โรงไฟฟ้าเกิดปัญหา หรือป่วยก่อนถึงค่อยมารักษา ไม่ว่าจะรื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ มาบำรุงรักษา เปลี่ยนอะไหล่ ปรับปรุงระบบ ถ้าเปรียบเป็นมนุษย์ คือ การดูแลตั้งแต่หัวจรดเท้า ดังนั้น ความเจ็บป่วย หรือปัญหาของโรงไฟฟ้าที่คาดไม่ถึงจะเกิดขึ้นน้อยลง หรือโอกาสที่จะไม่พบความบกพร่องเลยก็มี ซึ่งจะต้องทำเช่นนี้เป็นประจำจนกระทั่งหมดวาระการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้า

\"\"

           นอกจากนั้นยังประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการซ่อมบำรุงรักษาเพื่อให้มีความแม่นยำและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การใช้ Condition Base Maintenance มาบำรุงรักษาให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานอุปกรณ์จริง การใช้ระบบ Predictive Maintenance Analytics System (PMAS) ที่นำข้อมูลสภาพเครื่องจักร เช่น การสั่นสะเทือน อุณหภูมิ อัตราการไหล ความดัน ที่เก็บรวบรวมจาก Sensor ตามจุดต่าง ๆ มาสร้างแบบจำลองในการคาดการณ์ความขัดข้องเสียหาย เพื่อให้สามารถวางแผนงานซ่อมบำรุงรักษาล่วงหน้าได้ เป็นต้น

           วางแผนหยุดเดินเครื่องอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ไฟฟ้าไร้สะดุด

           เมื่อถึงวาระที่กำหนดของแต่ละโรงไฟฟ้าที่จะต้องซ่อมบำรุง โรงไฟฟ้าจะต้องแจ้งช่วงเวลาที่จะหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงรักษาให้กับศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ถูกสั่งเดินเครื่องเป็นโรงไฟฟ้าหลักเพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อให้ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติวางแผนจัดสรรกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าอื่นมาทดแทน ป้องกันปัญหากำลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

\"\"

           “ปฏิบัติการที่แข่งกับเวลา” เพื่อความมั่นคงพลังงาน

           หลังจากกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซ่อมบำรุงแล้ว แต่ละทีมงานบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นด้านไฟฟ้า เครื่องกล โยธา เคมี ซ่อมอะไหล่และบริหารจัดการอะไหล่ จะต้องวางแผนการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การถอดประกอบอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เช่น Turbine Rotor , Generator อุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ ในโรงไฟฟ้า ไปจนถึงการปรับตั้งระบบให้กลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพ แม้กระทั่งการดูแลน้ำที่ใช้ในโรงไฟฟ้า น้ำมันหล่อลื่น ระบบหล่อเย็น เป็นต้น ซึ่งการบำรุงรักษาที่ดี ไม่เพียงช่วยให้โรงไฟฟ้ากลับมาเดินเครื่องได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

\"\"

           อย่างภาพที่เห็นนี้ เป็นการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี ซึ่งดูแลความมั่นคงด้านพลังงานในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะเห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกันของทีมบำรุงรักษาที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้โรงไฟฟ้ากลับมาผลิตไฟฟ้าให้ได้เร็วที่สุด

           อีกหนึ่งโรงไฟฟ้าที่ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคอีสาน อย่างโรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น ทีมงานบำรุงรักษาผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจสอบและบำรุงรักษากังหันไอน้ำอย่างเข้มงวดแข็งขัน เพื่อให้โรงไฟฟ้ากลับมาเดินเครื่องได้ตามกำหนด

\"\"

           ทั้งหมดนี้คือ การทำหน้าที่รักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าอย่างเต็มความสามารถของ กฟผ. ที่ตั้งใจบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าให้อยู่หมัด เพื่อช่วยลดการหยุดเดินเครื่อง ยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ในระยะยาว อันส่งผลที่คุ้มค่ายิ่ง นั่นคือ คนไทยได้ใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง..ไร้สะดุด เพราะเชื่อว่า \”ไฟฟ้า\” ไม่ใช่แค่พลังงาน แต่คือ ชีวิต ความก้าวหน้า และอนาคตของประเทศ ที่ต้องเดินหน้าไปอย่างมั่นคง ไม่ว่าเวลาไหน ไฟฟ้าจะยังคงขับเคลื่อนให้ทุกชีวิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเสมอ