ทัวร์คนไทยเทกระจาดใส่ศาลาไทย หรือ \”Thailand Pavillion\” ในงานโอซาก้าเวิร์ลเอ็กซ์โป ประเทศญี่ปุ่น หนักหนาแสนสาหัสอย่างยิ่ง ชนิดขยี้เละเทะไม่เหลือชิ้นดี
ในทางกลับกันศาลาไทย กลับอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยมหาชน มากหน้าหลายตา จากหลากหลายสัญชาติที่หลั่งไหลไปตากแดด ตากลม ตากละอองฝนที่โปรยปรายลงมา
น่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์พันลึกเอามากๆที่คนไทยไม่ปลื้ม แถมสับเละศาลาไทยแหลกละเอียด สวนทางปฏิกิริยาชาวต่างชาติชนิด\”ฟ้ากับเหว\”
กรณีนี้ชวนให้คิดว่าชื่อเสียงกิตติศัพท์ประเทศไทย และศาลาไทยที่ทำไว้ดีเยี่ยมในงานเวิร์ลเอ็กซ์โปหลายครั้งที่ผ่านมา น่าจะเป็นแรงบุญที่ส่งผลมาถึงศาลาไทย ในงานโอซาก้าเวิร์ลเอ็กซ์โปปัจจุบัน….
ตัดตอนย้อนอดีตกลับไปเมื่อปี ๒๕๕๒ งานเวิร์ลเอ็กซ์โปที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ต่อเนื่องมาถึงปี ๒๕๕๘ งานเวิร์ลเอ็กซ์โปที่มิลาน ประเทศอิตาลี ปี ๒๕๖๓ งานเวิร์ลเอ็กซ์โปที่ดูไบ สหพันธรัฐอาหรับเอมิเรต ศาลาไทย ที่จัดแสดงคุณลักษณ์-อัตลักษณ์โดดเด่นของเมืองไทย ได้รับความนิยมจากนานาชาติเข้าชมทะลุ ๒ ล้านคน ตลอด ๖ เดือน ทำสถิติสูงสุดติดอันดับไม่เกิน ๑ ถึง ๕ จากจำนวนเกือบ ๒๐๐ ประเทศที่มีการจัดแสดงนิทรรศการอวดดีอวดเด่นให้ชาวโลกได้เห็น
แรงกระเพื่อมจากชื่อเสียงศาลาไทยที่ทำไว้ดี ส่งต่อมาถึงกระแสนิยมของศาลาไทย ที่จัดแสดงอยู่ในงานโอซาก้าเวิร์ลเอ็กซ์โปตอนนี้… แต่บุญใช้แล้วหมดไป และดูเหมือนกำลังสิ้นสูญในหมู่คนไทย ดังจะเห็นได้จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ยับเยินในชุมชนคนไทย
ทำไมเป็นอย่างนั้น ???
คำตอบคือ องค์รวมของการจัดนิทรรศการ ตั้งแต่ \”เปลือก\” ที่เป็นสถาปัตยกรรมภายนอก ซึ่งขายอัตลักษณ์ความเป็นไทยด้วย \”จั่ว\” .. ไม่ขายเสา รวมไปถึง \”ตับไตไส้พุง\” ที่เป็นสาระแก่นสารใต้จั่ว จัดอยู่ในขั้น \”กาก\” สมจริงสมจังดังคำวิจารณ์ทุกประการ….
กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบการบริหารจัดการศาลาไทยในงานโอซาก้าเวิร์ลเอ็กซ์โปครั้งนี้ เน้นขายการอกแบบศาลาไทย โดย \”เอ๔๙\” ของ คุณนิธิ สถาปิตานนท์ ซึ่งเป็นเอกอุแห่งวงการสถาปัตยกรรมเมืองไทย แต่มองไม่เห็นคุณค่า ความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า \”การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ\” หรือ \”Integrated Marketing Communication\”
เอ๔๙ แล้วไง ? นิธิ แล้วไง ? คุณนิธิ และทีม มีทักษะสื่อสารการตลาดแบบองค์รวม หรือแบบบูรณาการมั้ยล่ะ ???
ทุกอย่างมันฟ้องชัดอยู่แล้วที่ศาลาไทยในงานโอซาก้าเวิร์ลเอ็กซ์โปคราวนี้
ศิลปะการเล่าเรื่องอ่อนปวกเปียก แถมกิจกรรมสนับสนุนเพื่อการสื่อสารกระตุ้นการรับรู้ และมีส่วนร่วม..แห้งเกรอะกรัง!!
ช้างไม้ ที่ตั้งอยู่หน้าศาลาไทย เป็น \”ช้างประดับ\” ยืนตากแดด ตากลม และตากฝนเท่านั้น ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ในการนำเสนอเรื่องราวทั้งสิ้น
ถ้าช้างไม้มันพูดได้ มันคงอยากตะโกนออกมาดังๆ… \”กูทำผิดอันใดฤา พวกมึงจึงจับกูมาตากแดด ตากน้ำค้าง\”
การสื่อเรื่องราวผ่านพรีเซ็นเตชั่นภายใต้แนวคิด \”Thailand Connecting Lives for Greatest Happiness\” ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ และบริการ ตลอดจนเมนูอาหารที่อุดมด้วยสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ทำได้ \”แบนสนิท\” แถม \”ไร้เสน่ห์\” บนจอวิดีโอวอลล์
แทนที่จะใช้ช้างเป็นมาสคอตทำหน้าที่ฑูตประจำศาลาไทย ดันไปอัญเชิญ \”ตัวประหลาด ๕ ตา\” จากสวรรค์ชั้นไหนมาก็ไม่รู้ มาทำหน้าที่ \”มาสคอต\” เล่าเรื่อง เห็นแล้วหัวจะปวด หาความมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับคนรับสารไม่ได้เลย
การแสดงก็ไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม… หุยฮาฮ้าไฮ้มันกันอยู่เฉพาะในหมู่ผู้แสดง
\”กิมมิ๊ก\” ลูกเล่นที่อยู่คู่กับศาลาไทยหลายครั้งก่อนหน้านี้…สูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย
อยากเห็นท่าน รมว.สาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งมีมือฉมังอย่างโฆษิต สุวินิจจิต ด้านอีเว้นท์อยู่ใกล้ตัว น่าจะรีบจัดการยกเครื่องขัดสีฉวีวรรณ ใส่เสน่ห์ให้ศาลาไทยโดยไว
อย่างน้อยที่สุด บทส่งท้ายก่อนปิดการแสดง ควรเสิร์ฟเมนูสุขภาพให้ทุกคนได้ชิม… แจกยาหอม ยาอม ยาดม ยาหม่องให้ติดไม้ติดมือออกไปทุกคน เพื่อสร้างความประทับใจ แล้วบอกต่อ
ต้นกล้วยเหี่ยวๆ… กระเพราเฉาๆ ที่จัดมาประดับด้านนอกศาลาไทย ต้องใส่ใจดูแลให้สดชื่น เปล่งปลั่งตลอดเวลา ตลอดงาน
ถ้าเหลือบ่ากว่าแรง ก็รื้อออกไปซะเถอะ… เห็นแล้วมันเสียชื่อศาลาไทย… เสียหายประเทศไทย
ที่มา : ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค (เพจ:ชวนหาเรื่อง)