เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกับผู้แทนจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องนัดแรกของปี 2568 เพื่อรายงานสรุปผลการดำเนินงานในปี 2566-2567 ที่สืบเนื่องจากชุดคุณจรัญ หอมเทียนทอง และแผนโครงการประจำปี 2568-2569 ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงการหารือการวางแผนโครงการประจำปี 2570 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและจะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศอุตสาหกรรมหนังสือในอนาคต ณ บ้านพิษณุโลก โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ร่วมรับฟังและให้ความเห็นด้วย
โครงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือที่จะเกิดขึ้นในปี 2568-2569 ที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้
1. โครงการทุนสนับสนุนการแปล (Translation Grant) ที่จะขยายเพิ่มเติมจากเดิมที่ทำมาในปี 2567-2568 โดยจะเพิ่มจำนวนทุนแปลหนังสือไทยไปต่างประเทศเป็นสองเท่า และจะให้ทุนแปลหนังสือต่างประเทศที่มีคุณค่าเป็นภาษาไทย โดยไม่จำกัดที่มา และให้ลิขสิทธิ์แปลตกเป็นของสำนักพิมพ์ที่แปลเพื่อทำการตลาดได้เอง
2. โครงการนักเขียนในพำนัก (Author in Residence) เชิญนักเขียนต่างชาติที่ได้รับคัดเลือกมาพำนักในประเทศไทย เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับประเทศไทยออกจัดนิทรรศการและเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ
3. โครงการสร้าง 1 จังหวัด 1 นักเขียน 1 วรรณกรรม จัดนำร่อง 10 จังหวัด ให้ทุนสนับสนุนนักเขียนเพื่อพำนักในจังหวัดภูมิภาค ทำกิจกรรมร่วมกับร้านหนังสืออิสระ สร้างชุมชนการอ่านร่วมกับนักเขียน ผลิตผลงานที่มีเอกลักษณ์เกี่ยวข้องกับจังหวัดนั้นออกมาต่อยอดสร้างเรื่องราวและสินค้าที่เกี่ยวข้อง
4. โครงการส่งเสริมระบบนิเวศการอ่านในภูมิภาค 15 จังหวัดนำร่อง ร่วมกับ TK Park และร้านหนังสือในภูมิภาค
5. โครงการอบรมระบบหนังสือครบวงจร ตั้งแต่ นักเขียน นักวาด นักแปล นักขาย บรรณาธิการ ธุรกิจร้านหนังสือ ธุรกิจสำนักพิมพ์ ตัวแทนลิขสิทธิ์ กฎหมายและภาษี
6. โครงการส่งเสริมการจัดพิมพ์และดัดแปลงวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี
7. โครงการ International BL/GL Rights Fair ส่งเสริมไทยให้เป็นศูนย์กลางคอนเทนต์เฉพาะด้านนี้ของโลก
8. โครงการฟื้นฟูและปรับปรุงย่านหนังสือกรุงเทพ เพื่อเป็นต้นแบบของย่านหนังสือในรูปแบบย่านสร้างสรรค์ในที่อื่นๆ
9. โครงการแผนงานวิจัยอุตสาหกรรมหนังสือ และวิจัยผลกระทบจากการอ่านในเชิงบวกที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม
10. โครงการงานหนังสือในต่างประเทศ โดยมีงานไทเป ที่ไทยจะเป็น Guest of Honor ในปี 2026 เป็นวาระใหญ่ รวมถึงงานปักกิ่ง โซล และแฟรงค์เฟิร์ต นอกจากนี้ยังมีการแสวงหาความร่วมมือในทั้งอาเซียน เอเชีย และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ เช่น อินเดีย และตะวันออกกลาง
11. โครงการ Bangkok Rights Fair ที่จะขยายและตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์หนังสือและคอนเทนต์ของอาเซียน และเป็นจุดหมายปลายทางระดับเอเชียใน 5 ปี และก้าวสู่ระดับโลกใน 20 ปี
12. โครงการสนับสนุนการอ่านในเยาวชนและครอบครัว ต่อยอดโครงการ Book Start ของ กทม. ที่มอบหนังสือ 3 เล่มให้ครอบครัวทารกแรกเกิด และจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านต่างๆ ทั้งในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ งานหนังสืออื่นๆ และตามร้านหนังสือตลอดปี
13. แผนงานจัดสัมมนาผู้เกี่ยวข้องในระบบนิเวศหนังสือ ตั้งแต่ผู้ผลิตกระดาษ ผู้นำเข้ากระดาษ โรงพิมพ์ ช่างเทคนิคการพิมพ์ แพลตฟอร์มอีบุ๊ค โปรแกรมเมอร์ ผู้ผลิตสินค้าด้านการพิมพ์ สำนักพิมพ์ บรรณาธิการ นักเขียน นักวาด นักทำปกจัดหน้า นักแปล ผู้จัดจำหน่าย ผู้รับซื้อหนังสือและจำหน่ายช่วง ผู้รีไซเคิลกระดาษ ฯลฯ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งหน่วยราชการต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาพบพูดคุย หาคู่ค้า และหาข้อตกลงที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมหนังสือ ในงาน SPLASH Soft Power Forum 18-21 มิถุนายน
14. แผนงานปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ พรบ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ การลดหย่อนภาษีให้การซื้อหนังสือ การตั้งสถาบันหนังสือ และการตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจหนังสือ ภายหลัง พรบ. THACCA มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ หน่วยงานราชการที่มีผู้แทนเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมศิลปากร สำนักหอสมุดแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย OKMD และ CEA
นอกจากนี้ยังจะได้มีนัดเข้าพบกับอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหารือประเด็นการละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือ และแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่อไป
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นพ.สุรพงษ์ ได้กรุณานำคณะอนุกรรมการชมอาคารไทยพันธมิตร บ้านพิษณุโลก ซึ่งกำหนดให้เป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรีแต่มิได้มีนายกรัฐมนตรีมาพำนัก ปัจจุบันใช้เป็นเรือนรับรองแขกผู้เกียรติ และเป็นที่ประชุมของคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และกำลังขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในอนาคต