มุมมองสื่อมวลชนอิสระ : กรณีส่งคืนอุยกูร์​ การฑูตไทยอยู่ใต้เงาจีน?

         เราว่าเรื่องส่งกลับอุยกูร์มันเป็นหน้าต่างให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่าง
เพื่อนฝูงชี้ให้ดูข้อโต้แย้งของ อจ.พวงทอง ที่ว่าสมัยคุณทักษิณอยู่ ตปท. ถ้า ตปท. ส่งตัวกลับจะมีวันนี้ไหม อันนี้จริงมาก

         เมื่อคืน รองนายกภูมิธรรม กับอีกหลายท่านตั้งโต๊ะแถลงข่าว สรุปสั้นๆ ว่า การเตรียมการส่งกลับมีมาพักใหญ่แล้ว ดีลนี้ปิดกันไปตั้งแต่ตอนนายกไทยไปเจอ นายกสีจิ้นผิง ของจีน เรื่องนี้จีนขอมา ไทยก็ขอกลับ คือ ขอให้จีนรับรองความปลอดภัยของอุยกูร์ จีนถึงกับทำจดหมายรับรองให้ ไทยก็เอาไปแปลส่งให้อุยกูร์ที่โดนกักตัวอยู่อ่าน และท้ายสุดอุยกูร์ “สมัครใจ” กลับไม่มีการบังคับ ว่ามาอย่างนี้
ข้อสังเกตก็คือ ในเมื่อตกลงกันตั้งแต่ผู้นำเจอกัน ทำไมตอนแรกนายกพูดทำนองว่าไม่รู้เรื่อง สอง คำว่า “สมัครใจ” นี้คืออย่างไร บางทีคนเราจำต้อง “สมัครใจ” เพราะไม่มีทางเลือกอื่นก็เป็นได้ เรากำลังใช้คำว่าสมัครใจโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสบอก ถัดมาบอกว่าคนที่หนีออกมาเหล่านี้จีนไม่ได้อยากเอาผิดอะไรมากมาย ความผิดที่เคยทำก็เรื่องเล็กน้อย ทีนี้ถ้า “ความผิด” เป็นเรื่องเล็กน้อย โอกาสถูกลงโทษแค่เล็กน้อยจริง แล้วจะหนีออกจากบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองทำไม

         เรื่องการรับรองความปลอดภัย ลองคิดดูว่า ถ้าประเทศที่คุณทักษิณไปอยู่ตอนนั้น ได้รับหนังสือรับรองจาก คสช. ว่าเรารับรองความปลอดภัย แล้วพวกเขาเชื่อ เอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง คุณทักษิณจะมีวันนี้รึ

         ตอนนี้กลุ่มชาวอุยกูร์นอกจีนแสดงความสะเทือนใจกันมาก พวกเขาคิดว่าชะตากรรมของคนที่ถูกส่งกลับมันถูกปิดไปแล้ว คนเหล่านี้มีประสบการณ์ บรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาลควรจะต้องหาความรู้ ก่อนที่จะไปตั้งคำถามดุ่ยๆ ว่า “ไม่เห็นมีใครตาย” แล้วก็เรียกให้เอาหลักฐานมาแสดง ตอนนี้อยากให้ก้าวข้ามความเป็นแฟนคลับก่อน แสวงหาข้อเท็จจริง รับฟังข้อท้วงติงบ้าง อย่ามุ่งสนับสนุนกันจนสุดลิ่มจนพากันตกเหวหมด

         ถ้าตามไปดูคลิปของจีนที่อ้างว่าเป็นหลักฐานว่าคนกลับดีใจ มันเป็นคลิปที่มีครอบครัวอุยกูร์ไปรับและกอดกันกับคนที่ได้กลับไป มีผู้ตั้งข้อสังเกต ซึ่งถ้าดูจากในคลิปมันก็จริงดังเขาว่า คือมันมีแค่คนเดียว คนที่เหลือไม่มีรูปใดๆ ในคลิปเราจะเห็นคนสองสามคนเดินไปที่บันไดลงจากเครื่องบิน กอดกับผู้ชายคนหนึ่งที่ลงมา แล้วพากันเดินไปขึ้นรถคล้ายรถแวนสีดำปิดทึบหมดทั้งคัน เราไม่เห็นคนอื่นๆ เลย
รองภูมิธรรมบอกว่าเลขา สมช. ไปดู ไปล่วงหน้าวันหนึ่ง ยืนยันว่าจีนเตรียมต้อนรับดี คราวที่แล้วที่ส่ง 109 คน ให้จีนก็ทำนองนี้ พอผู้คนส่งเสียง สมช. ก็ไปดู แล้วจีนก็ “จัดให้“ ได้ดู แต่เป็นการได้เห็นที่จำกัดมาก เหมือนอย่างที่เอาคลิปมาโชว์นั่นแหละ น่าสนใจว่าเราเอาการเข้าถึงที่จำกัดเช่นนี้มาเป็นหลักประกันทุกสิ่งอย่างอ้างความชอบธรรมในการส่งกลับ

         ความเสียหายจากเรื่องนี้แน่นอนมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ชะตากรรมของคนเหล่านี้ เราไม่มีทางได้เห็นจริงๆ จีนเขาย่อมไม่เปิดภาพจริงให้คุณเห็น รองภูมิธรรมอ้างว่าจีนเป็นประเทศใหญ่ เชื่อถือได้ อ่อ.. ตัดภาพไปที่รัสเซียบุกยูเครน ตัดภาพไปที่ทรัมป์ที่บอกว่ายูเครนบุกรัสเซีย ว่าเซเลนสกี้เป็นเผด็จการ นี่เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมคนที่ถือว่าใหญ่ ความใหญ่ไม่จำเป็นต้องการันตีว่าคน ”ใหญ่“ ทำอะไรได้ถูกต้องชอบธรรมเสมอไป บางทีความใหญ่มันทำให้คนทำผิดในสเกลใหญ่และไม่มีใครกล้าทำอะไรหรือทำอะไรไม่ได้ การที่มีคนหนีออกมาจำนวนมากมันบอกเล่า มันทำให้คนทั่วไปเขาเห็นพ้องว่าคนเหล่านี้เผชิญอันตรายจริง ตอนนี้ต้องรู้ว่าสิ่งที่เราทำ ทำให้องค์กรกลุ่มอุยกูร์บอกว่า ไทยสมรู้ร่วมคิดกับจีนทำร้ายอุยกูร์ เขาใช้คำแรงกว่านี้อีก ส่วนเรื่องที่อ้างว่าทำถูกต้องตามกฎหมายก็มีคำถามมากมาย

         แล้วการตามใจจีนก็คือต้องมาตามแก้สิ่งที่จีนทำเพราะความ ”ใหญ่“ ของจีนนี่แหละ หนที่แล้วที่รองประวิตรส่งอุยกูร์ร้อยเก้าคนให้จีน ตอนนั้นก็สื่อจีนนี่แหละที่ไม่สนใดๆ ลงรูปการควบคุมตัวในเครื่องบิน ที่ถูกปิดตาคลุมถุงมีคนนั่งประกบตัวต่อตัว หนนี้ก็เช่นกัน ไชน่าเดลี่ลงข่าวยืนยัน สถานทูตจีนยืนยัน ทั้งๆ ที่ไทยพยายามทำอย่างลับๆ ขนกันกลางดึกในรถปิดทึบ และนายกบอกยังไม่รู้รายละเอียด แต่ต้องมาเปิดเผยมายอมรับ นี่แหละความใหญ่ของจีนล่ะ ให้เขาในสิ่งที่เขาต้องการแล้วยังต้องมาคอยปรับสตอรี่ตัวเองตามอีก ที่ออกมาแถลงข่าวก็เพราะไม่มีทางเลือก มันก็ถือได้ว่าเป็นความ ”สมัครใจ“ เหมือนกันนะ

         คือการต้องแบกรับภาระดูแลเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ แต่ถ้าอ้างว่าไม่มีใครอยากรับ ควรไปอ่านโพสต์ของคุณกัณวีร์ซึ่งเคยทำงานด้านนี้และน่าจะรู้จักเคสนี้ดี คือเรื่องภาระของไทยในการดูแลต้องหาหนทางจัดการ แต่การส่งตัวกลับมันเป็นทางออกที่เสียหายมากไป

         ข้อสรุปที่น่าสนใจในสายตาชาว ตปท. บางคน คือ เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าจีนครอบงำไทยได้เบ็ดเสร็จแล้ว

         แต่ถ้าให้อ่านเกม แม้สหรัฐฯ อาจจะออกมาประนาม ในทางความเป็นจริงคงไม่ทำอะไรหรอก เรื่องมันเล็กน้อยเกินสำหรับเขา และรัฐบาลสหรัฐฯ ยุคนี้ไม่ได้สนใจปกป้องคนที่อ่อนแอหรือเป็น ปชต. ที่อาจจะต้องจับตาต่อไปคือเมกาจะปฎิบัติกับไทยอย่างไรในฐานะที่ถูกจัดสถานะใหม่ในเครือข่ายอำนาจนี้คืออยู่ใต้เงาจีน นี่เราพูดแบบสุภาพนะ และคนก็คงมองแล้วว่าไทยมีสถานะอยู่ที่ไหนในแง่คุณค่าทาง ปชต. สิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม และขั้วการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้นชื่อเสียงก็คงยากจะเรียกคืนได้ ส่วนสถานะใหม่ก็มาถึงแล้วอย่างไม่ค่อยเงียบนัก ต้องขอบคุณรัฐบาลนี้ แต่แฟนคลับน่าจะไม่แคร์เพราะไม่มีใบเสร็จความเสียหายให้จับต้องได้ ก็รับผลกันไปแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้

ที่มา : Noi Thamsathien