ร่วมแรงเผาข้าวหลาม สืบสานประเพณีข้าวใหม่เดือนสาม ดำรงไว้ซึ่งความรักสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชน

เวลา 7.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศาลาหมู่บ้านหนองมะปริง ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พระปริยัติธาดา (สมนึก ฐิตเมโธ ป.ธ.๗ ดร.) (ป.ธาดา) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๓ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นประธาน ในพิธีทำบุญข้าวใหม่เดือนสาม พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดตาขัน และชาวบ้าน ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

นายสุนันท์ ศรัณยุตม์ อายุ 68 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ประเพณีข้าวใหม่เดือนสามเป็นสิ่งที่ชุมชนเราสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร สมัยก่อนหมู่บ้านไหนไม่มีศาลา ก็สร้างปรำขึ้นมา แล้วนำข้าวเปลือกมากองรวมกัน ต่อมาก็ปรับเปลี่ยนเป็นมาช่วยกันเผาข้าวหลาม ใครมีอะไรก็นำมาช่วยกัน เช่นการตัดไม้ไผ่ศรีสุข มาทำกระบอกข้าวหลาม นำข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล มาช่วยกันเผา จากนั้นก็นำข้าวหลาม มาทำบุญในรุ่งเช้าซึ่งนอกจากทุกคนจะได้มาทำบุญร่วมกันแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ลูกหลานได้เรียนรู้วัฒนธรรมของบรรพบุรุษ

\"\" 

พระปริยัติธาดา กล่าวว่า ประเพณี ทำบุญข้าวใหม่ หรือทำบุญข้าวหลาม จัดสืบทอดกันมายาวนาน เป็นการทำงานร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเป็นการสร้างความสามัคคีปรองดองการสมานฉัน ของชาวหมู่บ้าน เพราะต้องมาช่วยกันคนละไม้คนละมือซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ คือหัวใจของการอยู่ร่วมกัน โดยใช้ประเพณีเป็นกิจกรรมที่ดึงคนให้มาร่วมกัน ถ้าไม่มีปรเพณีแบบนี้ ต่างคนต่างอยู่ ความรักความปรองดองสามัคคี ก็น้อยลงไป

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บรรยากาศของการช่วยกันเผาข้าวหลาม เต็มไปด้วยความคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ชาวบ้านทุกเพศทุกวัยต่างช่วยกันเตรียมวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว น้ำกะทิ และไม้ไผ่สำหรับเผาข้าวหลาม โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่เป็นผู้นำกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่เพราะเป็นภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณ เนื้อข้าวหลามสุกนิ่มกำลังดี รดชาดกลมกล่อมหวานมัน มีทั้งข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียวขาว ข้าวหลามที่เผาเสร็จแล้วในช่วงเย็น ถูกนำมาตั้งในพิธีทำบุญช่วงเช้า เพื่อถวายแด่พระสงฆ์และแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงาน ถือเป็นการทำบุญขอพรให้มีความอุดมสมบูรณ์ในปีใหม่ตามความเชื่อของชาวบ้าน

\"\"

ทั้งนี้ประเพณีข้าวใหม่เดือนสาม ถือเป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออกที่เกือบทุกหมู่บ้านยังคงร่วมสืบสานเป็นการสะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ผูกพันกับการเกษตร และยังช่วยเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชนให้คงอยู่ต่อไป