คอกสุนัขเทศบาล..มีจริง..แต่รับได้แค่ไหน..
การที่เทศบาลมีศูนย์พักพิงของสุนัข อาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ผิดจากภาพที่เห็นจากการที่มีคนให้ข้อมูลที่ผิดเช่น สุนัขอ้วนท้วน สุนัขวิ่งเล่น มีคนดูแล มีอาหารให้กิน สิ่งพวกนี้เกิดขึ้นจริงแต่ไม่ใช่สุนัขทุกตัวจะได้สิ่งที่ทุกคนเห็นหรือได้ยิน ในศูนย์พักพิงก็เปรียบเสมือนคนทำผิด หรือเมื่อถูกไปอยู่ในสถานที่ดังกล่าวเข่น คุก ความเป็นอิสระ ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องอาหาร ความปลอดภัย ความสุข ทุกอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามที่อยากให้เกิด มีปัจจัยหลายอย่างที่ถูกควบคุมอยู่ เช่นจำนวนคนดูแล ยกตัวอย่างมีสุนัขที่ดูแล 200 ตัว มีคนดูแล 1-2 คน เวลาแจกอาหารคิดว่าจะแจกได้ทันพร้อมกันไหม ถ้าแจกไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิดการแย่งกัน กัดกัน ตัวที่เป็นเจ้าถิ่นตัวที่อ้วน ตัวที่มีพลัง ตัวที่มีเพื่อนจำนวนเยอะและเป็นผู้นำก็จะได้กินก่อนทุกครั้งส่วนตัวที่อ่อนแอก็ต้องรอถึงแม้จะหิวถึงแม้จะอยากกินก็ต้องรอ บางตัวก็ต้องไปแอบอยู่ซุกตัว ตามหลืบ ตามพุ่มไม้ ตามป่า รอกลางคืนค่อยย่องมาถ้ามีเหลือก็ได้กินถ้าไม่มีเหลือก็อด เมื่อคนดูแลกลับบ้าน ก็มีการกลั่นแกล้งกัน ทำร้ายกัน .ไม่มีคนห้ามในส่วนสถานพีกพิงสุนัขในเทศบาลเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้นในยามค่ำคืน แสงไฟก็น้อยนิดได้จากไฟโซล่าเซลล์ ล้อมรอบไปด้วยป่า มีทั้งสัตว์ร้าย หญ้ารก ล้อมด้วยน้ำ .ทุกๆคืนก็จะได้ยินเสียงสุนัขกัดกัน บางคืนก็ได้ยินเสียงโหยหวน อาจจะเกิดจากการคิดถึงเจ้าของ คิดถึงบ้านที่มีแสงไฟมีคนเดินไปเดินมา โดยเฉพาะสุนัขที่อยู่ในกรงที่ไม่ได้วิ่งเล่นก็จะวิ่งวนอยู่ในกรงสี่เหลี่ยมไปมามีทั้งอุจจาระ เต็มทั้งกรมถ้ามีคนเก็บให้ทุกวันก็ถือว่าโชคดีแต่ถ้าอาทิตย์นึงเก็บเป็นบางวันก็ต้องทนเหยียบนอนทับอุจจาระของตัวเอง ถ้าวันไหนไม่มีคนเอาอาหารเข้าไปไว้ในกรงก็คงอดมันก็มีความเป็นไปได้เ เนื่องจากคนเลี้ยงมีแค่ 1-2 คนก็อาจมีการลืม ได้ ถึงแม้จะพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีสุนัขอยู่ในศูนย์พักพิงกฎหมายสวัสดิภาพป้องกันการทารุณกรรมจะอยู่ควบคู่กัน และองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ก็จะอยู่เคียงคู่เพื่อช่วยเหลือดูแลเป็นปากเสียงแทนสุนัขใน คุก ต้องขออนุญาตอธิบายว่าคุก จะเข้าใจง่ายเพราะทุกคนก็ไม่อยากติดคุกสุนัขก็มีชีวิตจิตใจถ้าเขาจะติดคุกจะต้องเป็นเป็นการทำผิดที่รุนแรงเพราะเป็นการติดคุกตลอดชีวิตนอกจากเปิดโอกาสให้มีคนเดินเข้าไปดูและขอเขาเพื่อให้เขาได้บ้านใหม่ซึ่งเป็นนโยบายของท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายสังคม เกิดก่อ คนปัจจุบันและ ท่านรองผู้ว่านายเฉวต เพชรนุ้ยอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และทีมบริหารเทศบาลนครหาดใหญ่เช่นท่านนายก พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี และ ่ท่านรองนายก วินัย ปิ่นทอง ท่านรองนายกนาย สัมฤทธิ์ บุญรัตน์ และเปิดให้ประชาชนได้เข้าไปเยี่ยมชมเพื่อให้สุนัขได้คุ้นกับคนและอบอุ่น ไม่ควรปิดกั้นการเข้าถึงของประชาชน คาดว่าในอนาคต จะมีสิ่งที่ดี เกิดขึ้น เช่นการหาบ้านให้น้องสุนัข ในการลงพื้นที่ทุกครั้งเพื่อพูดคุยกับประชาชนเรื่องข้อร้องเรียนจะพบว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดแต่เมื่อนำสิ่งที่ถูกต้องไปชี้แจง อธิบายถึงเหตุและผล กฎกติกาต่างๆของการจับสุนัข ทำให้ประชาชนทุกคนเข้าใจเพราะทุกคนมีจิตใจเหมือนพ่อหลวง รักและเมตตาต่อสัตว์ ดังนั้นการให้ข้อมูลการพูดคุย การแก้ปัญหา การติดตามปัญหา เป็นสิ่งสำคัญของคนลงพื้นที่และเจ้าหน้าที่เทศบาลทุกที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่การจับเข้าแล้วจบ จับ 1 ตัวหรือ 6 ตัวตามข้อร้องเรียนแต่ปัญหาที่เหลืออยู่ไม่ได้แก้ไขก็จะเกิดสุนัขตามมาจากการเกิดลูกเกิดหลานและการร้องเรียนก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่จบ สุนัขที่ถูกจับไปรวมกันก็ กัดกันคุณภาพชีวิตก็แย่ ถ้ามีจำนวนสุนัขเพียงพอไม่มากเกินต่อให้เป็น คุก แต่ก็เป็นที่สวยงามได้และเป็นตัวอย่างที่ดีของศูนย์พักพิงทั่วประเทศ
https://www.facebook.com/share/p/197FZVMVoH/?mibextid=wwXIfr