2 วัน 2 คัน! โจ๋ลักจยย.แลกยาบ้า – ตร.ตามรวบทันควัน

นครพนมช็อก! เยาวชนชายหญิง วัยเพียง 17 และ 15 ปี ก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ 2 วันติด เพื่อนำไปแลกยาบ้าเสพ กล้องวงจรปิดจับภาพชัด ตำรวจตามรวบตัวได้ถึง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ขณะผู้เสียหายกว่า 20 รายแห่มาดูหน้า แต่ถูกห้ามตามกฎหมายคุ้มครองเยาวชน

\"\"

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายชาญวิทย์ แพงจะโป๊ะ หรือ “บอย” พนักงานโรงพยาบาลนครพนม เข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ ถูกขโมยจากลานจอดรถช่วงตีสองกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นเยาวชนชายหญิงเดินเลือกเป้าหมาย ก่อนใช้กุญแจผีสตาร์ทรถอย่างใจเย็นแล้วขับหลบหนี

ไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา วันที่ 23 พฤษภาคม นางพิกุล ชมโสม พาลูกสาว น.ส.ธิดารัตน์ ชมโสม หรือ “น้องเมล” เข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ หายจากลานจอดห้างบิ๊กซี ขณะลูกสาวฝึกงาน กล้องวงจรปิดของห้างจับภาพผู้ก่อเหตุเป็นคู่เดียวกับที่ขโมยรถจากโรงพยาบาล

แกะรอยกล้องวงจรปิด ล่ารังยาบ้า

ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางการหลบหนี พบว่าผู้ต้องหามุ่งหน้าไป อ.ท่าอุเทน และไปสิ้นสุดที่ อ.บ้านแพง จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมได้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ทราบชื่อภายหลังคือ นายม่อน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี

เสียงโวยวายจากผู้เสียหาย ขอดูหน้าผู้ต้องหาแต่ถูกปฏิเสธ

เมื่อข่าวการจับกุมแพร่สะพัด ผู้เสียหายกว่า 20 รายพากันเดินทางไปที่ สภ.เมืองนครพนม หวังจะดูหน้าผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดความไม่พอใจ และเสียงโวยวายขึ้นเล็กน้อย

\"\"

พ.ต.อ.ธนชิต สุขพัฒนานรากุล ผกก.สภ.เมืองนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.ท.พร้อม รัตนะ รอง ผกก.ป. ได้เข้าชี้แจงว่าการสอบสวนเยาวชนต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้เสียหายจึงยอมแยกย้ายกันกลับ

อดีตเด็กเรียนดี สู่วังวนยาเสพติด

ข้อมูลจากผู้สื่อข่าวเผยว่า น.ส.เอ๋ เคยเป็นเด็กเรียนดี เกรดเฉลี่ยถึง 3.5 แต่เมื่อเริ่มยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การเรียนก็เริ่มตกต่ำ ขาดเรียนบ่อย พฤติกรรมเปลี่ยนเป็นก้าวร้าว เคยทำร้ายพ่อแม่จากอาการเมายา จนต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคัน

เธอได้รู้จักกับนายม่อน ชายหนุ่มจาก จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นนักเสพยาตัวยง ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันและได้พบกับนายทุนค้ายาที่ให้ยาบ้าใช้ฟรี แลกกับการขโมยรถมาแลกเปลี่ยน จนพัฒนาทักษะการโจรกรรมได้อย่างช่ำชอง โดยเฉพาะในพื้นที่เป้าหมายอย่างโรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้า

แม้จะถูกจับพร้อมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แต่ทั้งสองยังคงปฏิเสธ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธ คาดว่าเสพยามา จึงเตรียมนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย และขยายผลหาตัวการใหญ่อีกครั้ง

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญว่า “ยาเสพติดทำลายอนาคตของเด็กได้รุนแรงเพียงใด”