หลายคนถาม…
ตกลงแล้ว GDP สหรัฐที่ออกมาติดลบ แย่จริงหรือไม่ ?
จะนำไปสู่ Recession หรือไม่ ?
เพราะบางสำนักบอกว่าที่ -0.3% เป็นผลมาจากการเร่งนำเข้าสินค้าที่ +50.9% จากความกังวลใจเรื่องภาษีนำเข้าที่จะขึ้น ผู้ประกอบการจึงเร่งตุนสินค้าไว้ก่อน
นอกจากนี้ องค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจอื่นๆ ยังขยายตัว
Personal Consumption Expenditure +1.8%
Gross Private Domestic Investment +21.9%
Export +1.8%
Final Sale to Domestic Purchaser +2.3%
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องกังวลใจมาก
ขนาด Dow Jones เมื่อคืนนี้ ไม่ได้ติดลบมากระหว่างวัน และสุดท้าย สามารถจบวันได้ในแดนบวก !!!
หลังมีข้อมูล Consumer Spending +0.7% ในเดือนมีนาคมที่ออกมาตอนท้ายตลาด ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังพอไปได้
เรื่องนี้ เมื่อไปดูเจาะข้อมูลโดยละเอียดแล้ว ต้องบอกว่า จริงบางส่วนที่ GDP ติดลบเพราะเร่งนำเข้า – จริง !!! ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ที่ไตรมาส 2 อาจจะมีการเร่งนำเข้าเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วแต่ว่า Deal ต่างๆ ออกมาอย่างไร ออกมาเร็วหรือไม่
โดยเฉพาะ Deal แรก ที่สหรัฐจะตกลงด้วย ซึ่งกำลังแข่งขันกันระหว่าง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพราะจะทำให้เห็น อัตราต่ำสุดที่สหรัฐจะยอมให้ ว่าจะสามารถลงไปต่ำกว่า 10% หรือไม่ และประเทศเหล่านี้ต้องแลกด้วยอะไรบ้าง
ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเห็นภาพเลาๆ ว่า หลังเจรจา 90 วัน โลกการค้าของเขา จะหน้าตาเป็นอย่างไร จะลัดเลาะ Navigate หาหนทางเดินธุรกิจกันต่อไปอย่างไร
แต่ที่ไม่จริงก็คือ GDP ไตรมาสหนี่งของสหรัฐติดลบเพราะเร่งนำเข้า “เพียงอย่างเดียว”
จากข้อมูลพบว่า เศรษฐกิจสหรัฐก็อ่อนแอลงด้วย !!!
ภาคนำเข้าของสหรัฐมีสัดส่วนแค่ 15.6% ของ GDP เท่านั้น การที่เศรษฐกิจสหรัฐติดลบได้ก็เป็นเพราะภาคเศรษฐกิจอื่นๆ อ่อนแอลง โดยเฉพาะภาคการบริโภคที่มีขนาด 68.1% ของ GDP ซึ่งปกติจะขยายตัว 3-4% ได้ลดลงเหลือเพียง 1.8%
ภาคส่งออก ที่ปกติจะขยายตัวได้ 3-5% ก็เหลือเพียง 1.8% และมาถูกซ้ำเติมจาการใช้จ่ายภาครัฐที่ปกติจะโต 3-4% แต่ในไตรมาสนี้ -1.4%
ทั้งหมดเป็นความอ่อนแอที่แอบแฝงอยู่ในสหรัฐ เมื่อบวกกับความผันผวนและความปั่นป่วนในโลก ที่จะดำเนินไปอีกระยะ เศรษฐกิจสหรัฐก็จะอ่อนแอกว่าที่ทุกคนคาดไประยะหนึ่ง จนกระทั่ง ผลจากการลดภาษีเริ่มช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนที่ทุกคน Committed เริ่มลงเสาเข็ม กลายเป็นโจทย์ใหม่ให้รัฐบาลสหรัฐไปหาคำตอบว่า จะ turnaround เศรษฐกิจสหรัฐอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนเลือกตั้ง Midterm ที่จะมีนัยยะอย่างยิ่งต่อท่านประธานาธิบดี Trump
ส่วนไทยก็ต้องคิดว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐและโลกจะชะลอลง เราจะประคอง Momentum ของเศรษฐกิจไทยอย่างไร เพราะโจทย์ของเราก็เริ่มไม่ง่าย เนื่องจากมี Moody’s และ Credit Ratjng Agencies อื่นๆ ที่กำลังคอยจ้องจับตาเราอยู่ ทำให้เราต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง !!!
#มุมมองดรกอบ #Trump #GDPq1
ที่มา : Kobsak Pootrakool