\”กลุ่ม ผกร.เหิมเกริมหนักข้อกับกลุ่มอ่อนแอ\”, #ด้านหน่วยเหนือฯ #สั่งทุกฝ่ายจัดการทุกมิติกับพวกสุดโต่งเต็มที่…#แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย!!</em\”
#รองมทภ4\” นั่งไม่ติด! หลัง \”#โจรใต้ชายผ้าถุง\” ก่อเหตุต่อเป้าหมายอ่อนแอถี่ขึ้น \”#พวกสุดโต่ง\” ต้องใช้กฎหมายเพียวๆ โดยไม่ลืม “#สภาสันติสุขตำบลและฮูกุมปากัต” ใช้พัฒนาพื้นที่
วันนี้ (26 เม.ย.68) เวลา 09.30 น.ที่กองบัญชาการทางยุทธวิธี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น หลังยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ครู, พระภิกษุ, ผู้นำศาสนาและประชาชน สั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพรัดกุมยิ่งขึ้น เช่น พื้นที่รอยต่อ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กับ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี, อ.แว้ง และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์และดูแลความปลอดภัยของประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติ ระบุ เชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลทุกนายสามารถปฏิบัติภารกิจได้สุดกำลังความสามารถ ขอให้ทุกคนทำงานมุ่งมั่นทุ่มเท ตรงเป้า ตรงจุด ใช้สติ ปัญญา คิด วางแผน ด้วยความห่วงใยและขอส่งกำลังใจถึงทุกคนจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับมายังทุกท่าน เพื่อทุกภารกิจบรรลุผลสำเร็จ และขอให้ทุกท่านพึงระลึกเสมอว่า ทุกคนคือเพื่อนร่วมชีวิต เพื่อนร่วมคิด ร่วมใจแก้ปัญหา และขวัญกำลังใจ คือพลังและศักยภาพที่สำคัญ สำหรับการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีต่าง ๆ ให้รวบรวมพยานหลักฐานและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ถูกหล่อหลอมจากการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งทำลายความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยึดถือวิธีปฏิบัติในการตรวจค้น และการกักตัวบุคคลที่ต้องสงสัยตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 และระเบียบว่าด้วยวิธิการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กำชับการดำเนินการทุกขั้นตอนต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ย้ำทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติจริงจังต่อเนื่อง ตามนโยบายของ รมว.กลาโหม และ มทภ.4 เน้นภาคประชาสังคมในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมปฏิบัติอย่างประสานสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน สะกัดกั้นเพิ่มมาตรการป้องกันพื้นที่ชุมชน พื้นที่รอยต่อ พื้นที่ป่าเขา คุมเข้มเส้นทางสัญจรให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ร่วมกับอาสาสมัครประจำพื้นที่ ขอให้กำลังพลทุกนายต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตนเองเสมอ ก่อนทุ่มเท เสียสละ ดูแลพื้นที่อย่างสุดกำลังความสามารถ ต้องคิด วิเคราะห์ ประเมินแก้ไข ให้ดียิ่งขึ้น ย้ำการบังคับใช้กฎหมายต้องรัดกุม รอบคอบ อยู่บนพื้นฐานข้อกฎหมาย มีความยุติธรรม ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด เน้นการปฏิบัติเชิงรุก ต้องรัดกุม ให้ทำการลาดตระเวรเพื่อสะกัดกั้นการหลบหนีข้ามพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติ ควบคู่กับการป้องกัน ป้องปรามขนย้ายสิ่งของผิดกฎหมายและยาเสพติทุกชนิด ส่วนงานมิติงานสร้างความเข้าใจใช้ “สภาสันติสุขตำบล และ ฮูกุมปากัต” พัฒนาพื้นที่ ควบคู่การดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์ต้องสร้างความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชนตรวจสอบและโปรดใช้วิจารณญาณ กลั่นกรองก่อนการรับข้อมูลข่าวสาร และขอให้เชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยังคงมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่
จากนั้น ได้ลงพื่นที่ ฉก.ร.2 อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้กำชับ เน้นเสริมขีดความสามารถให้ อส.ประจำถิ่นดูแลความปลอดภัยร่วมกัน เฝ้าระวัง เน้นพื้นที่เสี่ยงติดป่าชายขอบ ควบคุมจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม สร้างความเข้าใจต่อการปฏิบัติภารกิจแก่พี่น้อง ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
ต่อมา รอง มทภ.4 ลงพื้นที่ ฉก.ทพ.11 ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส นำความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทำพื้นที่ให้ปลอดเหตุปลอดภัย รวมทั้งลงพื้นที่ นปพ.นราธิวาส 33 นาวิกโยธินกองทัพเรือ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก เน้นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และประชาชนมีส่วนร่วมดูแลพื้นที่ รวมกันสอดส่องดูแลบ้านเกิดให้รัดกุม ปรับภารกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พร้อมรับมือต่อสถานการณ์ ย้ำความสำเร็จของแผนปฏิบัติ คือ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดกำลังความสามารถ และกลไกสำคัญยิ่งคือ ผู้บังคับหน่วยทุกระดับตั้งแต่ผู้บังคับกองร้อย ต้องกำกับดูแล และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุต่อพี่น้องประชาชน เน้นปฏิบัติการเชิงรุก ต้องปรับเปลี่ยนเทคนิค ห้ามประมาท ยับยั้ง จำกัดเสรีผู้ก่อเหตุ และสนับสนุนผูัก่อเหตุอย่างเด็ดขาด