ทรัมป์ถอย – สงครามการค้าจะจบอย่างไร ?

           เรื่องนี้เริ่มด้วยอเมริกาประกาศเพดานภาษีกับทุกประเทศทั่วโลก

           เมื่อคืนนี้ปรับของทุกประเทศลงมาที่ 10% ถ้วนหน้า แต่เพิ่มของจีนเป็น 125% (ผมว่าเป็นการเพิ่มเพื่อรักษา form ไม่ให้คิดว่ามีแต่ถอย ซึ่งจะ 125 หรือ 104 ไม่ได้ต่างกันเท่าไร)

           ดังนั้น ตอนนี้หลัก ๆ กลายเป็นสงครามระหว่างอเมริกากับจีน เพราะจีนเป็นประเทศเดียวที่ไม่ยอมอเมริกา (จริง ๆ มีแคนาดาด้วย แต่เป็นความขัดแย้งคนละระดับกัน)

           ทรัมป์คงเห็นแล้วว่าในสงครามนี้ ไม่ควรผลักให้คนอื่น ๆ กลายเป็นศัตรู
ซึ่งประเด็นนี้สำคัญ เพราะจากนี้เริ่มมีการประเมินว่า ขั้นตอนต่อไปคืออเมริกาอาจจะเรียกร้องให้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ เลือกว่าจะค้ากับอเมริกาหรือจีน!

           อันนี้เรื่องใหญ่ ฟังแล้วอาจเกินความเป็นจริง แต่หากเรามองว่าเราอยู่ในสภาวะสงคราม สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็อาจจะเกิดได้

           สาเหตุที่อเมริกาอาจจะเรียกร้องตามนี้ก็เพราะ อเมริกาจะยอมตกลงอัตราภาษีกับประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ ถ้าประเทศนั้นยังมีการค้ากับจีนเพราะจะเสมือนอเมริกายอมให้จีนขายสินค้าทางอ้อมให้กับอเมริกาในอัตราภาษีที่ตํ่ากว่าเทียบกับถ้าจีนขายให้อเมริกาโดยตรง

           อันนี้ยังไม่นับข้อเท็จจริงที่ว่ามีสายเหยี่ยวทั้งที่จีนและอเมริกามองเป็นทุนเดิมว่า สุดท้ายแล้วระหว่างจีนกับอเมริกาฝ่ายหนึ่งต้องเป็นผู้ชนะและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้แพ้

           วันนี้อเมริกาได้เริ่มกดดันประเทศที่ส่งออกสินค้าที่ผลิตโดยจีนหรือผลิตด้วยวัตถุดิบจากจีน ขั้นตอนต่อไปก็เพียงออกกฏว่าหากยังซื้อของจากจีนก็จะไม่สามารถค้าขายกับอเมริกาได้เลย เว้นจะโดนภาษี 104% ด้วย …นี่คือสิ่งที่ผมกลัว
หากเราต้องเลือก เราจะเลือกอย่างไร ? ไทยเองขาดดุลมหาศาลจากการค้าขายกับจีน เราผลิตสู้เขาไม่ได้ แต่เราก็ไม่อยากต้องเลือก ของเราจะแพงขึ้น ถ้าอเมริกากดดันแบบสุดโต่ง ไม่เพียงจำกัดสินค้าจีนที่เป็นวัตถุดิบ แต่จำกัดสินค้าทุกชนิด เราจะไม่มีทางเลือกที่จะซื้อรถ BYD ทีวี Hisense หรือ โทรศัพท์ Huawei สินค้าของเราหลายอย่าง (เช่น ทุเรียนหรือลำไยอบแห้ง) เราก็จะขายใครไม่ได้เลย นักท่องเที่ยวจีนก็จะหาย

           จะทิ้งอเมริกาก็อย่าลืมว่าเรามีดุลการค้าที่เป็นบวกกับเขาปีละ 1 ล้านล้านบาท ผู้ประกอบการไทยจะเดือดร้อนแค่ไหนหากเราถูกกีดกันไม่ให้ค้าขายกับอเมริกา

           ที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือ อเมริกาอาจจะใช้ ดอลลาร์เป็นอาวุธ ใครไม่เลือกข้างเขาอาจจะโดนภาษีการถือครองดอลลาร์ ดีไม่ดีทรัมป์เล่นบทถนัดในการต่อรองปรับโครงสร้างหนี้กับประเทศเจ้าหนี้อีก (เราเป็นเจ้าหนี้ใหญ่นะครับ ถือพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาอยู่นับล้านล้านบาท)

           สงครามนี้ประเทศอย่างเราจะลำบากมาก ต้องคิดเผื่อและเตรียมตัว เรามียุทธศาสตร์ไม่เลือกข้างมาตลอด และคิดเสมอว่าทั้งสองประเทศมหาอำนาจเขาต้องแข่งกันมาง้อเรา ตอนนี้ดูเหมือนมีหนึ่งฝ่ายที่เปลี่ยนกลยุทธ์ ไม่ง้อแล้วแต่จะใช้การขู่แทน ว่าจะเลือกใคร

           ที่น่ากลัวที่สุด คือ ประวัติศาสตร์ สาเหตุสำคัญที่ญี่ปุ่นตัดสินใจบุก Pearl Harbour เมื่อ 80 กว่าปีก่อนก็เพราะญี่ปุ่นเกรงว่าจะถูกปิดล้อมทางเศรษฐกิจ
ไทยเราต้องคิดเผื่อทุกสถานการณ์ ทางการทหารตามปกติจะมีการเตรียมตัวป้องกันภัยคุกคามอยู่แล้ว แต่ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มโอกาสสูงกว่า เรานิ่งเฉยไม่คิดเผื่อไม่ได้เลย

ที่มา : กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij\’s Post