ตรัง ผู้ส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง ชี้ ภาษีสหรัฐฯ กระทบหนัก-เตรียมรับวิกฤตส่งออก

นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้ โดยตลาดส่งออกส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชีย ร้อยละ 98 คือ ส่งประเทศจีน ญี่ปุ่น และส่งอเมริกา ประมาณร้อยละ 2 ได้บอกถึงผลกระทบที่จะตามมา กรณีสหรัฐอเมริกากำหนดอัตราภาษีนำเข้าใหม่จากประเทศไทยสูงถึง 36 % และประเทศอื่นๆ รวมทั้งจีน 34% ญี่ปุ่น 24% โดยระบุว่า ครั้งนี้ถือว่าอเมริกาแหกกฎการค้าเสรีจะกระทบหนักกันทั่วโลก สำหรับสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งของตนเองส่งไปอเมริกาปีละ 10 กว่าตู้ มูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท ตลาดใหญ่ส่งไปจีน และญี่ปุ่น ซึ่งสินค้าที่จะส่งไปอเมริกาหลังจากนี้เป็นต้นไป จะโดนภาษีเพิ่มสูงขึ้นอีก 31 % ภาระจริงๆจะตกเป็นของคนอเมริกันที่จะต้องจ่ายแพงขึ้น ส่วนผลกระทบกับประเทศไทยและภาคอุตสาหกรรมของไทยที่ต้องส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ รวมทั้งประเภทอาหารทะเลแช่แข็ง จะเห็นผลกระทบอย่างหนักในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากว่าจีน ญี่ปุ่น ก็ถูกสหรัฐอเมริกาตั้งกำแพงภาษีสูงเช่นกัน

เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าสินค้าที่เราส่งไปจีน จีนสู้กำแพงภาษีไม่ไหว ก็ต้องทะลักกลับเข้าสู่ตลาดอาเซียนหนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย ซึ่งต้นทุนของไทยสู้ต้นทุนของจีนไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้สินค้าจีนก็ทะลักเข้ามาตีตลาดไทยจำนวนมากอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นอีก 3 เดือนกระทบหนักแน่ ๆ เช่น โรงงานอาจปิดตัว การจ้างงานที่ลดลง อยู่ที่รัฐบาลไทยจะรับมืออย่างไร ส่วนสินค้าญี่ปุ่นหากต้องกลับเข้าตลาดบ้านเราก็ยังเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ แต่สินค้าจีนมักมีปัญหา ซึ่งสินค้าจีนเมื่อส่งสินค้าไปอเมริกาไม่ได้ก็ต้องลดราคาสินค้าลงและหันมาขายสินค้าในตลาดอาเซียนแทนทำให้ไทยต้องกระทบแน่นอน โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยต้นทุนสูงจะสู้จีนไม่ได้ โรงงานก็ต้องปิดตัวลง คนก็จะว่างงาน รัฐบาลควรจะเร่งหาทางรับมืออย่างเร่งด่วน แต่ทั้งนี้ เห็นรัฐบาลแล้วก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ ผู้ประกอบการรับมือได้อย่างเดียว คือ ก็ต้องเตรียมทำใจ

\"\" \"\" \"\" \"\"