โอเคมากๆ กับการบริหารจัดการภัยพิบัติแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานครของ \”รัฐบาลท้องถิ่น\” ที่มี อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธ์ เป็นพ่อเมือง ทำให้คนกรุงเทพหาย Panic เร็วและคลายความวิตกกังวลหลัง After Shock แต่ไม่โอเคมากๆ กับการบริหารจัดการภัยพิบัติแผ่นดินไหวในระดับประเทศของ \”รัฐบาลส่วนกลาง\” ที่มี \”แพทองธาร ชินวัตร\” เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติครั้งนี้ที่ส่วนใหญ่ไม่รู้หน้าที่และไม่มีเซนซ์ของความเร่งด่วนฉุกเฉิน
#รองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมอุตุนิยมวิทยา และยังสามารถกำกับเชิงนโยบายด้านโทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ตของประเทศกับ กสทช. ได้ แม้ กสทช. เป็นองค์กรอิสระ (มากที่สุด) ผ่านทางคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ กสทช. เป็นองค์ประกอบหนึ่งในคณะกรรมการชุดนี้
ท่านรัฐมนตรี DES เงียบหายไปไหน เพราะบนโซเชี่ยลมีคนแชร์ข่าวเก่าที่ท่านบอกเมื่อเดือนตุลาคม 2566 หลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่พารากอนว่าจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงทุนระบบ Cell Broadcast เพื่อเตือนภัยไปยังโทรศัพท์มือถือในบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุได้
กระทรวง DES เป็นเจ้าภาพในการเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กสทช. กรมอุตุนิยมวิทยาที่เป็นต้นทางข้อมูลภัยพิบัติทางธรรมชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย และค่ายมือถือกับโทรคมนาคมให้ร่วมกันเร่งดำเนินการติดตั้งระบบ Cell Broadcast ให้เสร็จโดยเร็ว
รักษาการเลขาธิการ กสทช. กับ อธิบดี ปภ. สารภาพผิดต่อหน้านายกแพทองธาร ปภ. เพิ่งเปิดให้ยื่นประมูลจัดซื้อจัดจ้างระบบ Cell Broadcast เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568
#รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ดูแลหน่วยงานหลักด้านการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติคือกรมป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ (ปภ.) แต่ประสิทธิภาพในการทำงานในกรณีแจ้งเตือนภัยเพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือเข้าขั้นไร้ประสิทธิภาพมาก
การแจ้งข้อความเตือนเมื่อเกิดภัยพิบัติด้วยการส่งหนังสือด่วนถึง กสทช. น่าจะเป็นการส่งแบบสักแต่ว่าส่ง เพื่อให้เรื่องพ้นตัว โดยไม่คำนึงถึงผลหรือส่งถึงประชาชนที่ได้รับภัยพิบัติหรือไม่
ปภ. ปกรู้ทั้งรู้ว่าระบบ Cell Broadcast ยังไม่เสร็จ ผู้บริหารควรจะหา \”แผนสำรอง\” ในการเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติที่คาดการณ์ไม่ได้ไว้ เช่น การขอให้ กสทช. ใช้อำนาจสั่งบริษัทมือถือเป็นผู้ส่งข้อความเตือนภัย การขอให้ กสทช. แจ้งสถานีโทรทัศน์-วิทยุทุกสถานีออกข่าวรับมือแผ่นดินไหว ฯลฯ
รัฐมนตรีมหาดไทยที่เคย \”ปากแจ๋ว\” หายไปไหน รู้หรือเปล่าว่ากรม ปภ. ในสังกัดมหาดไทยทำงานเตือนภัยแบบขอไปที ทำไมไม่ออกมา \”ปากแจ๋ว\” ขอให้ กสทช. สั่งค่ายมือถือและสถานีโทรทัศน์-วิทยุหรือรายงานนายกฯ ว่า ปภ. มีปัญหาเตือนภัยไม่ได้ ขอให้สั่งการด่วน
นอกจากนี้แล้วรัฐมนตรีมหาดไทยยังไม่รู้สี่รู้แปดกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 57 จังหวัด คนในจังหวัดเหล่านั้นอยู่ในสภาพโกลาหลไม่ต่างจากคนกรุงเทพสักเท่าไหร่ แทบไม่เห็นแอคชั่นใดๆ จากรัฐมนตรีมหาดไทยในการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการบรรเทาผลกระทบ หน่วยงานของกรม ปภ. มีอยู่ทุกจังหวัดยังทำงานแบบเหตุการณ์ปกติ แล้วประชาชนในจังหวัดนั้นๆ จะคลายความวิตกลงไปได้อย่างไร
#ประธาน กสทช. และรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. 2 คนนี้ทำงานแบบ \”คู่บุญ\” ประธาน กสทช. ชื่อศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ อุ้มชูสนับสนุนให้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. นั่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แม้ กสทช. เสียงข้างมากคัดค้านไม่เห็นด้วย จนมีเรื่องฟ้องร้องกัน
แนวทางการทำงานของประธาน กสทช. คนนี้น่าจะเป็นที่ประจักษ์ของสังคมแล้วว่าทำงานแบบคนไม่รู้งานไม่รู้หน้าที่ภารกิจ กสทช. ทำงานแบบไร้ทิศไร้ทาง
กสทช. เป็นองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นตรงต่อฝ่ายบริหาร แต่ประธาน กสทช. กลับขึ้นตรงต่อ \”นาย\” ที่ออกแรงบันดาลให้มาเป็นประธาน กสทช. มากกว่าประขาชน เป็นที่น่าแปลกใจ แต่กลับถึงบางอ้อว่าทำไมเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ประธาน กสทช คนนี้ที่มีประเด็นขาดคุณสมบัติเป็น กสทช. ยังอยู่ในตำแหน่งได้สบายๆ
ถ้านายกแพทองธารยังนิ่งดูดายกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของประธาน กสทช. คนนี้และปัญหาการขาดคุณสมบัติ ระวังจะโดนมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดความเสีนหาย
ถึงเวลานายกแพทองธารแสดงภาวะผู้นำ อย่าปล่อยให้นักการเมืองและข้าราขการที่ไร้ประสิทธิภาพนั่งอยู่ในตำแหน่งที่รับผิดชอบความเป็นความตายของประชาชนอีกต่อไปเลย