พบบ้านแม่ ดช.ลูคัสที่นครพนมปิดตายกลายเป็นบ้านร้างตามหาญาติยังไม่พบ คดีหนุ่มรัสเซียโหดจับลูกชายโยนออกจากเรือสปีดโบ๊ท ถูกใบพัดเรือฟันดับขณะกลับจากเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วานนี้( 22 มกราคม 2568 )พนักงานสอบสวนเวรสภ.คุระบุรีได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ประจำเรือท่องเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ว่า มีเหตุคนตกเรือได้รับบาดเจ็บและกำลังจะนำตัวผู้บาดเจ็บจากจุดเกิดเหตุ ห่างจากเกาะระ หมู่ที่ 3 ต.เกาะพระทอง อ.คุระยุรี จ.พังงา ประมาณ 200 เมตร เพื่อมาขึ้นที่ท่าเรือคุระบุรี ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปยังท่าเรือดังกล่าว เมื่อไปถึงพบว่าผู้บาดเจ็บ คือ ด.ช.ลูคัส บูกอรสกี้ อายุ 13 ปี สัญชาติไทย(ลูกครึ่ง) อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.1 ต.แสนพัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และได้มีมูลนิธินำตัวส่งโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ และทราบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ คือ Mr.Artem Bugorskiy สัญชาติ รัสเซีย อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นบิดาของ ด.ช.ลูคัส และเป็นผู้ที่ก่อเหตุตั้งใจทำให้เด็กตกจากเรือจนเสียชีวิตในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการควบคุมตัวไปสอบสวนที่สภ.คระบุรี
จากการสอบสวนเบื้องต้นทางกัปตันเรือให้การว่า ได้นำนักท่องเที่ยวกลับมาจากหมู่เกาะสุรินทร์ จำนวน 33 คน เป็นคนไทย จำนวน 17 คน ต่างชาติ จำนวน 16 คน มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือ จำนวน 5 คน ได้ออกเรือมาจากเกาะสุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.และได้แล่นเรือมาเกือบจะถึง หมู่เกาะระ-เกาะพระทอง ประมาณ 200 เมตร ซึ่งห่างจากจากฝั่ง เพื่อที่จะนำเรือมาจอดเพื่อส่งนักท่องเที่ยว ประมาณ 4 กิโลเมตร ระหว่างนั้น สังเกตุเห็น Mr.Artem Bugorskiy ลุกออกจากที่นั่งโดยสาร แล้วเดินไปหา ด.ช.ลูคัสฯ บุตรชาย แล้วใช้มือทั้งสองข้างรวบขาและลำตัวอุ้มขึ้นแล้วใช้ลำตัวดันและผลักตัว ด.ช.ลูคัสฯให้ตกเรือลงบริเวณแคมเรือด้านซ้ายใกล้หัวเรือจนตกลงในทะเล จากนั้น Mr.Artem Bugorskiy ก็ได้กระโดดตามลงไป ทางกัปตันจึงรีบหยุดเรือและขับวนเพื่อไปช่วยเหลือ บุคคลทั้งสอง แต่ Mr.Artem Bugorskiy ไม่ยอมรับความช่วยเหลือและไม่ยอมขึ้นเรือ กัปตันจึงได้ขับเรือไปที่จุดที่ ด.ช.ลูคัสฯ ลอยอยู่ หลังจากทางลูกเรือได้กระโดดลงไปเพื่อช่วยเหลือ ด.ช.ลูคัสฯ ขึ้นมาทางท้ายเรือและทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งพบว่าได้รับบาดเจ็บและมีบาดแผลที่ใบหน้าและศรีษะอาการสาหัสซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากใบพัดของเรือ จึงได้ขับเรือเพื่อมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือคุระบุรี เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์
ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน และคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มีหลักฐานอันควรเชื่อว่าเป็นผู้กระทำความผิดและเป็นบุคคลต่างด้าว อาจอาจจะหลบหนีออกนอกประเทศได้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา Mr.Artem Bugorskiy ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ และจากการสอบถามโดยผ่านล่าม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา
คืบหน้าล่าสุดเมื่อ เวลา 20.00 น.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 47 ม.1 บ้านดงขวางทุ่ง ต.แสนพัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พบบ้านปิดกลายเป็นบ้านร้าง และได้สอบการถามผู้ใหญ่บ้าน ม.1 แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไร บอกแต่เพียงว่า นางนางตู่ มีพี่น้อง 3 คน มีพี่ชายเป็นคนโต ชื่อสมบัติไปมีครอบครัว อยู่บ้านกุดฉิม ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม คนรองเป็นพี่สาวชื่อแอร์ นางตู่เป็นน้องคนเล็ก ผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านางตู่มีแฟนเป็นชาวรัสเซีย แล้วย้ายออกจากหมู่บ้านไปนาน 10 กว่าปี
ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงว่านางตู่ได้ไปซื้อที่ดินประมาณ 1 ไร่ ที่บ้านบูรพา ห่างจากที่เดิมประมาณ 1 กม.ขึ้นอยู่กับตำบลดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านบูรพา สอบถาม นางกันนิกา สุขเขียว อายุ 52 บ้านบูรพา ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม ผู้สื่อข่าวได้ถามนางกันนิกา ว่าเคยเห็นนางตู่ บ้างไหม นางกันนิกายอกไม่เคยเห็น เห็นแต่นางแอร์ พี่สาว ที่คอยดูแลบ้านให้ที่บ้านปลูกเป็นสวนลำไย หลายวันไม่เห็นนางแอร์ทราบว่าเดินทางเดินทางไปเฝ้าไข้าสามีที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลจังหวัดหนองคาย
นางกันนิกายังเล่าว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2567 เคยเห็น Mr.Artem พาลูกชายกลับมาบ้านช่วงก่อนปีใหม่ เห็น Mr.Artem ขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านแต่ไม่เห็นนางตู่ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นครัวนี้อีกเลย
นางกันนิกา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากรู้เรื่องนางตู่พร้อมครอบครัวต้องไปถามพี่ชายชื่อสมบัติที่บ้าน กุดฉิม ต.ดอนนางหงส์ และนางแอร์พี่สาว ที่อยู่หนองคาย
เนื่องจากเป็นยามวิกาล จึงไม่สามารถติดต่อกับนายสมบัติพี่ชายที่อยู่บ้านกุดฉิมได้ ผู้สื่อข่าวจึงเดินกลับ