ปี 2567 จุดเปลี่ยนธุรกิจร้านหนังสือ Chainstore กับ Online Platform
รายได้-กำไรสุทธิ MEB มากกว่า SE-ED
ปี 2567 ทิศทางใหม่ธุรกิจหนังสือ SE-ED มีรายได้น้อยกว่า MEB เป็นครั้งแรก ผลประกอบการงบกำไรขาดทุนปี 2567 แตกต่างกันของ 2 ผู้นำธุรกิจขายหนังสือ
SE-ED ผู้นำร้านหนังสือแบบดั้งเดิมมีรายได้น้อยกว่า EB ผู้นำร้านหนังสือOnlinePlatform เป็นปีแรก ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของธุรกิจหนังสือของไทย
ซีเอ็ด ผู้นำธุรกิจร้านหนังสือแบบดั้งเดิม Chainstore
– ปี 2567 รายได้รวม 1,971.45 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ -25.31 ล้านบาท
– ปี 2566 รายได้รวม 2,096.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 36.05 ล้านบาท
สรุป รายได้รวมลดลง -5.96%,กำไรสุทธิลดลง -170.20%
MEB ผู้นำธุรกิจขายหนังสือแบบ Online Platform ที่ไม่มีร้านหนังสือ
– ปี 2567 รายได้รวม 2,206.93 ล้านบาท กำไรสุทธิ 443.44 ล้านบาท
– ปี 2566 รายได้รวม 1,939.19 ล้านบาท กำไรสุทธิ 381.42 ล้านบาท
สรุป รายได้รวมเพิ่ม +12.13%, กำไรสุทธิเพิ่ม +16.26%
อย่างไรก็ตามถ้ารวมรายได้ของร้านหนังสืออื่นๆ เช่น ร้านนายอินทร์ B2S Kinokuniya, ASIA Books หนังสือแบบกระดาษยังมียอดขายสูงกว่าแบบ e-Book กับนวนิยายรายตอนในสัดส่วนประมาณ 70:30 ในขณะที่ธุรกิจร้านขายหนังสือแบบออนไลน์ MEB ที่กลุ่ม Central, B2S ถือหุ้นมากกว่า 70% น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% รายรองๆ ลงมา เช่น
– Pinto ที่มาจากการรวมธุรกิจ Ookbee และ Storylog มีรายรวมกันประมาณ 400-500 ล้านบาท
– Dek-D.com ที่อัมรินทร์ถือหุ้น 51% มีรายได้ประมาณ 240-250 ล้านบาท
– รายอื่นๆ อีก 5-6 ราย เช่น Comico, ArnBook ฯลฯ น่าจะมีรายได้รวมกันประมาณ 140-150 ล้านบาท
นอกจากนี้สำนักพิมพ์ขนาดใหญ่และขนาดกลางล้วนแต่ใช้ช่องทางการขายหนังสือเล่มกระดาษบนออนไลน์ในหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ของสำนักพิมพ์, Facebook ของสำนักพิมพ์ และการเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม e-Commerceอย่าง Shopee, LAZADA และ TIKTOK
บน Online Platform มีการขายหนังสือทั้งในรูปแบบกระดาษ นวนิยายรายตอน และ e-Book