พง.-กฟผ. หาแนวทางพัฒนาระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลเสริมความมั่นคงพลังงานเกาะสมุย

ปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้บริหาร กฟผ. ลงพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หารือแนวทางการพัฒนาระบบส่งจ่ายไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานบนพื้นที่เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า พร้อมขอความร่วมมือชาวเกาะสมุยช่วยประหยัดพลังงาน

\"\"
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วย ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) นายธีรวุฒิ เวทะธรรม รองผู้ว่าการพัฒนาระบบส่ง นางสุดารัตน์ ไชยพันธุ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมระบบส่ง นายบุญมา พูชิน ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างระบบส่ง นายวรวรรธ ฉัตรแถม ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการควบคุมระบบ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีแผนจะขยายกำลังการผลิตเพื่อสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้าให้กับพื้นที่ภาคใต้ในอนาคต พร้อมลงพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามและร่วมหารือถึงแนวทางการส่งจ่ายไฟฟ้าบนพื้นที่เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ผ่านโครงการพัฒนาระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลไปยังบริเวณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีและการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงสมุย โดยมีผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับคณะ พร้อมให้ข้อมูล ระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2568

\"\"
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอบนพื้นที่เกาะสมุยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่และเปิดประกวดราคางานจัดซื้อและจ้างโครงการพัฒนาระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลฯ ขนาดแรงดัน 230 กิโลโวลต์ จากสถานีไฟฟ้าแรงสูง (สฟ.) ขนอม ไปยัง สฟ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นสถานีไฟฟ้าแรงสูงแห่งใหม่ของ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ วงจรที่ 1 ในปี 2571 และวงจรที่ 2 ในปี 2572

เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุย มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอและมั่นคงสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าบนเกาะที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาวได้ พร้อมขอความร่วมมือชาวเกาะสมุยและผู้ประกอบการช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของเกาะสมุย ที่จะมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ยืนยันจะดูแลพลังงานไฟฟ้าบนเกาะสมุยให้มีความมั่นคงมากที่สุด

ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าขนอมมีพื้นที่ที่จะขยายโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมที่ประมาณ 600-700 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมากขึ้นด้วย